6 โมงครึ่งหนุ่ยป๊อดกับเจ้าโป้งมารอที่ป้ายรถเมล์หน้าหมู่บ้านเราไม่ได้ไปรับเนื่องจากฮ้อน (ลืมไปนายทหาร) ทำงานครึ่งคืนกลับมาตีสองครึ่งเราจึงให้นอนตุนไว้ก่อนจะได้เก็บแรงไว้ขับรถถึงบ้านติ๊กเข็ด 7 โมงนิดๆพี่ไพ่ผ่องซื้อปลาหมึกกับกุ้งไว้เรียบร้อยแล้วแต่ยัง .... มันยังไม่พอเราต้องการกินกุ้งที่ย่างแบบกุ้งกระทะและยังขาดปูอีกจึงนั่งรถไปซื้อปูกับกุ้งกันอีกรอบงานนี้กะว่าจะกินกันให้ตายกันไปข้างหนึ่งเลย
ออกจากมหาชัยก็มุ่งหน้าสู่อุทัยกันเลยพอผ่านจ. อยุธยาแวะทานก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋นที่ปั๊มบางจากรสชาติอร่อยดีชามใหญ่มากๆ (แต่ข้างในติ๊ดเดียว) ทานเสร็จก็ไปกันต่อ
ถึงอุทัยธานีแล้วตามโปรแกรมต้องแวะไหว้พระที่วัดเอ๋ย .... วัดโบสถ์หรือวัดอุโบสถารามลืมบอกไปอีกว่าอุทัยธานีเป็นจังหวัดเล็กๆที่ใครๆก็ขับผ่าน (แต่มีดีอยู่ในตัวพอสมควรคนมีบุญเท่านั้นแหละที่ได้ไปพิสูจน์ 555) และตัวเมืองถนนหนทางก็ซับซ้อนมากๆสงสัยจะหลงแล้วง่ะจึงให้โป้งเดินลงไปถามทางกับแม่ค้าว่าวัดโบสถ์ไปทางไหน ... อุ๊แม่เจ้าแม่ค้าชี้ไปข้างหน้าที่จอดเนี่ยแหละหน้าวัดโบสถ์ต้องจอดรถและเดินข้ามสะพานไปหรือจะขับรถอ้อมไปชี้ไปทางนู้นซอยอะไรก็ไม่รู้ก็ได้รถสามารถจอดที่วัดได้เลยพวกเราเลยจอดรถตรงนี้และเลือกที่จะเดินข้ามสะพานไปดีกว่า
มาถึงตอนเที่ยงๆพอดีเลยแดดร้อนโครๆต (ก่อนหน้าที่จะไป 1 วันฝนตกสุดๆเลยตอนแรกคิดว่าเที่ยวครั้งนี้คงชุ่มช่ำเปียกฝนแน่ๆแต่ผิดคาดง่ะ) สะพานที่ข้ามไปทอดผ่านแม่น้ำสะแกกรังวิวสวยดีบรรยากาศน่าอยู่มองไปข้างหน้าเห็นวัดโบสถ์พร้อมกับเจดีย์ 3 องค์สวยดี (วัดนี้ร .5 ทรงมาเสด็จประพาสและได้ประทับที่แพหน้าวัดด้วยแหละ)
ออกจากวัดโบสถ์ก็นี่เลยต้องไปกินก๋วยเตี๋ยวตู้ไม้ตามโปรแกรมในอินเทอร์เน็ตแป๊ะๆพอถามป้าที่นั่งถักผ้าที่หน้าวัดว่าร้านก๋วยเตี๋ยวไก่ตู้ไม้ไปทางไหนตรงไฟแดงนะป้าบอกไม่รู้จัก ..... (ชักจะยังงัยแล้วไม่ได้สังหรณ์ใจเลย) ไม่รู้ก็ไม่เป็นไรไปเองก็ได้
ขับมาได้พักสัก (12.38 น.) ตรงไฟแดงก็เห็นร้านก๋วยเตี๋ยวตู้ไม้พอดีเลย (จำร้านและคนขายจะในเว็บไซต์) ดีใจใหญ่รีบลงไปสั่งทานกันคนละชามร้านเล็กๆโต๊ะนั่งมีไม่กี่ตัวโชคดีที่ไปยังพอมีที่นั่งสำหรับพวกเราพอก๋วยเตี๋ยวมาไม่รีรอรีบกินทันที่แต่ ... แต่ ... มันเป็นเพียงคำบอกเล่าของชาวเน็ตที่บอกว่าอร่อยแต่มันไม่ค่อยจะถูกปากเราเท่าไหร่เลยหรือว่าพวกเรากินไม่เป็นก็ไม่รู้จึงคิดว่าเป็นก๋วยเตี๋ยวธรรมดาบางคนก็เจอเส้นแข็งๆเพราะว่าลูกค้าเยอะสงสัยคนขายจะรีบลวกเส้นเร็วไปหน่อยร้านแรกอร่อยกว่าแต่ก็นานาจิตตังนะเพราะว่าโต๊ะข้างๆทานกันใหญ่แถมเปิ้ลอีกหลายๆชามแต่เราบายขอ ... มุ่งหน้าสู่รีสอร์ทดีกว่าอาหารทะเลรอเราอยู่
ถึงพญาไม้รีสอร์ทตอนบ่ายโมงยังเข้าห้องไม่ได้เนื่องจากแขกที่พักเมื่อวานเช็คเอ้าท์ช้าแม่บ้านจึงทำความสะอาดไม่ทันเวร ... ร้อนก็ร้อนเดินเล่นรอบๆถ่ายหมาถ่ายแมวไปตามประสา
ห้องใหญ่ผู้หญิงนอนกัน 4 คนส่วนหลังเล็กห่างจากบ้านผู้หญิงให้โป้งกับฮ้อนเฮ้ย .. ไม่ใช่สิให้แอร์ (เณรแอ) กับตาวนอนด้วยกันต่างหากผิดแผนนะเนี่ยตามโปรแกรมไม่ได้จัดอย่างนี่นะเซ็ง ... ไม่ทำตามที่จัดไว้คราวหน้าจะไม่จัดให้ไปเที่ยวกันแล้วดื้อจริงๆไม่เชื่อฟังกันเล้ยยยยย
เข้าห้องพักได้ก็นอนดูโทรทัศน์ฆ่าเวลาเพราะไม่สามารถย่างอาหารทะเลได้เนื่องจากแดดยังเยอะอยู่เดี่ยวตัวดำ (คุณแม่จะว่าได้) พอได้เวลาบ่ายๆติ๊กเข็ดชวนไปล้างอาหารทะเลกันจะได้ปิ้งเสียที (สงสัยจะหิว) เดินหาก๊อกน้ำที่จะล้างหาไม่เจอจึงถามลุงเจ้าหน้าที่ว่าล้างที่ไหนเจ้าหน้าที่บอกว่าล้างที่แม่น้ำตรงแพหน้ารีสอร์ทพวกเราจึงไปล้างอาหารกันที่แม่น้ำได้บรรยากาศดีๆจริง
ล้างเสร็จแดดหมดพอดีจึงเริ่มย่างกันเลยและทิ้งตาวกับหนุ่ยย่างอาหารทะเลกันสองคนส่วนพวกเราไปซื้อของที่ตลาด (หนุ่ยปวดหัวฝากซื้อพาราอ้างว่าอากาศร้อนจัดและมาโดนแอร์ไม่รู้ว่าเป็นข้ออ้างหรือว่าแก่ชราขึ้นก็สิไม่รู้ ... ทริปนี้มีแต่คนป่วยคนหนึ่งปวดหัวคนหนึ่งปวดเข่าโอ๊ะ .... นี่มันอาการของคน .. คนอะไรน้า ..... คุ้นๆส . อะไรน๊า ...... อ๋อสว. งัย)
ขับรถออกมาจ่ายตลาดไม่ถึง 5 นาทีเลยจอดรถที่วัดโบสถ์เพื่อข้ามสะพานเมื่อตอนเที่ยงที่เราเดินก้นเพื่อไปตลาด (เอยโธ่ ... วัดโบสถ์ตลาดรีสอร์ทอยู่ใกล้ๆกันเลยทำงัยได้ก็เราม่ายช่ายคนแถวนี้นิ 555)
ตลาดไม่ใหญ่มีผักและอาหารสำเร็จขายเหมือนๆที่บ้านเราเนี่ยแหละพวกเราซื้อปลาทับทิมและขอน้ำจิ้มเพิ่มเนื่องจากแม่หมวยทำน้ำจิ้มมาน้อยมั๊กมากๆไม่พอกินแน่ๆและได้ซื้อเกลือกับมะนาวมาด้วยเผื่อน้ำจิ้มที่ซื้อหวานจะได้แก้ไขได้ทันท่วงที (มุ่งมั่นกันมากๆเลยกับอาหารทะเลมื้อนี่) และซื้อข้าวสวย, มะละกอ, น้ำแข็ง, เป็ปซี่, ยา, ทิชชู่, น้ำผลไม้ส่วนเบียร์ไม่ได้ซื้อง่ะเนื่องจากหนุ่ยปวดหัว (อดเลยตรู)
กับมาถึงอาหารก็ย่างเสร็จแล้วบางส่วน ..... ลุยเลยดิ๊หิวโครตๆจึงทานกันที่หน้าบ้านพักแต่ยุงชุมจริงๆแถมดุด้วยง่ะกินไปตบไปทรมานมากๆสักพักเจ้าหน้าที่นำยากันยุงมาแต่ให้ ... แต่มันช่วยอะไรไม่ได้เลยง่ะเพิ่งจะเห็นว่ายุงร้ายกว่าเสือก็คราวนี้แหละยากันยุงมันไม่กลัวเล้ยแบบว่ามันเป็นยุงภูเขานะไม่เคยกินของทะเลจึงสู้ตายตายเป็นตายครั้งหนึ่งในชีวิตก็ยอมกรูขอชิมอาหารทะเลและเลือดหวานๆของสว. ก่อนตายก็ยังดี
แต่แล้วเราก็สู้ยุงไม่ได้จึงไม่เกรงใจรีสอร์ทแล้วนำอาหารมาทานในห้องเลยดีกว่า (ช่างมันไม่ช่ายห้องเราเป็นห้องผู้ชายเหม็นก็ไม่เป็นไรแอร์ (แอเณร) กับตาวไม่ซีเรียสคืนนี้ทนนอนดมกลิ่นได้พอเข้ามาเหมือนขึ้นสวรรค์เลยง่ะไม่มียุงมารบกวนแถมอาหารก็แสนอร่อยกินจนพุงกางเลยอร่อยทุกอย่างชอบกันคนละอย่างจริงๆเราชอบปู, เณรแอกินปลาหมึกกับปลาทับทิม, หนุ่ยป๊อดกับตาวชอบกุ้งตัวโต (โตหัว) พี่ไผ่ผ่องกับติ๊กเข็ดชอบกุ้งสะดุ้ง (ติ๊กเข็ดกินกุ้งเยอะมากๆไม่สามารถกินอะไรต่อได้อีกเนืองจากกุ้งที่กินมันหลามตั้งแต่กระเพาะจนถึงคอหอยแล้วทุก 555) คนหยุดหมดแล้วไม่สามารถไปต่อได้เหลือตาวกับหนุ่ยกินกุ้งไปเรื่อยๆจนหมดเหลือแต่หัวจึงต้องทิ้งเพราะว่าไม่สามารถที่จะยัดอะไรเข้าไปในร่างกายได้อีกแล้วจึงยุติมื้อค่ำเพียงเท่านี้เก็บภาชนะล้างอาบน้ำนอนเนื่องจากเพลียมากๆและพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อมาใส่บาตรพระกันราตรีสวัสดิ์ (ลืมไปนอนไม่ค่อยสบายเนื่องจากหมอนสูงมากๆถ้าเตี้ยๆนิ่มๆกว่านี้จะดีมากๆเลย)
6.30 น. ตามเวลานัดพระจะพายเรือมาบิณฑบาตรแต่ยังไม่ถึงเวลาเลยตาวมาเรียกหน้าห้องว่าพระมาแล้วอะไรว๊ะ .... รีบกุลีกุจอไปใส่บาตรที่แพกันเลย
อาหารใส่บาตรตอนแรกคิดว่าเป็นข้าวสวย, กับข้าวแต่ไม่ใช่เป็นอาหารแห้งแต่ก็ไม่เป็นไรใส่ด้วยใจอะไรก็ได้ถือว่าได้บุญเหมือนกันสาธุ ....
ใส่บาตรเสร็จก็พายเรือเล่นกันเพราะว่าอากาศดีถ้าเป็นหน้าหนาวคงจะสวยน่าดูพี่ไพ่ผ่องชวนไปพายบอกว่าเราไปบ้านหลังตรงข้ามกับรีสอร์ทสวยดีไปกัน 5 คนแอร์ไม่ไปเนื่องจากกลัวน้ำเราพายท้ายหนุ่ยพายหน้าเหนื่อยฉิบเป้งเลยเรือมันทู่ๆแถมขากลับพายทวนน้ำอีกเล่นเอาเหงื่อแตกเลย
พอใกล้ถึงฝั่งตาวขอพายบ้างเราจึงให้ติ๊กเข็ดลองพายท้ายดู ..... เชื่อเลยคนพายเรือไม่เป็นมันหมุนติ้วเลย 2 คนนี้ควงสว่าน 2 รอบเลย 555
พอจะเข้าฝั่งจึงให้พี่ไพ่ผ่องพายบ้าง .... โหสุ่มเงียบนะพายเป็นก็ไม่บอกรู้งี้ให้พายตั้งนานแล้ว 555
หลังจากขี่จักรยานเล่นเสร็จก็มาทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารติ๊กเข็ดเปลี่ยนเป็นติ๊กเซ็ง ... เพราะอยากทานข้าวต้มแต่ทางรีสอร์ทไม่มีมีแต่อาหารเช้าแบบอเมริกันแต่เราว่าไม่ใช่อยากทานข้าวต้มหรอกน่าจะอยากทานข้าวเหนียว + หมูปิ้งจะมากกว่า 555
ตามโปรแกรมหลังอาหารเช้าจะต้องไปล่องเรือชมความงามและวิถีชีวิตของชุมชนแม่น้ำสะแกกรังตอน 8.30 น. พอใกล้เวลาไปรอที่ท่าเรือปรากฏว่าเรือออกไปแล้วอ้าว .... ก็ไหนบอกว่าออกตอน 8.30 น. ไหงออกก่อนว๊ะไอ้ซับฝายเอ๋ย ..... หรือว่าเรือบรรทุกได้ 20 คนพอเต็มแล้วออกก็น่าจะบอกกันบ้างเราจะได้ไปรอบแรกเพราะรอบสองกลัวจะแดดออกเซ็งหว่ะเลยแก้เซ็งด้วยถ่ายรูปและเล่นไม้กระดกก็ได้
เปลี่ยนเรื่องดีฝ่าเรือท่องเที่ยวพาเราผ่านวัดโบสถ์ผ่านแพที่ประทับของร .5 ซึ่งตอนนี้ชาวบ้านกำลังนำไม้ไผ่มาสร้างแพเพื่อใช้เป็นที่สำหรับลอยกระทงที่จะนี้ถึง (2 พ.ย.)
และผ่านที่ประทับของพระเทพฯสวยดีและมองไปไกลๆจะเห็นเขาสะแกกรังและบันไดขึ้นวัดสังกัสฯสวยดีเรือล่องประมาณ 1 ชั่วโมงก็กลับที่พักดื่มน้ำผลไม้ที่ซื้อมาเมื่อวานเย็นและเก็บของออกจากที่พักเพื่อไปวัดท่าซุงต่อ
วัดท่าซุงกับที่พักไม่ไกลกันมากแต่ก็ต้องถามทางอีกตามเคย 555 วัดนี้สวยมีเวลาเข้าชมวิหารแก้วด้วยนะต้องกะเวลาให้ดีก่อนไปหภายในวิหารแก้ว 100 เมตรล่ะสวยสุดๆเหมือนเดินในสรวงสวรรค์เลยง่ะและได้กราบหลวงพ่อฤาษีลิงดำศพไม่เน่าไม่เปื่อยที่โลงแก้ว
ต่อด้วยปราสาททองคำสวยอีกเหมือนกันจึงเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึกทำไมหนอจังหวัดนี้ใครๆก็ขับผ่านลองแวะเข้ามาดูแล้วจะรู้ว่าคุ้มค่ามากๆดีใจนะที่ได้มาวัดนี้
ออกจากวัดท่าซุงก็มาต่อที่วัดสังกัสรัตนคีรีแต่ไปไม่ถูกอีกแล้วจึงถามทางลุงกับป้าที่หน้าวัดท่าซุงลุงกับป้าแสนดีแย่งกันบอกทางและก็วกไปวนมาแต่ก็พยายามบอกทางเราน่ารักจริงๆเดี๋ยวไฟแดง 2 เลี้ยวเอ๊ะไฟแดง 3 หรือไฟแดงโอ้ย .. ไปกันใหญ่เราจึงขอตัวและขับไปเรื่อยๆหลงเข้าไปถนนเล็กๆที่กำลังก่อสร้างและเป็นทางเบี่ยงพอมาถึงบ้านหลังหนึ่งจึงลงไปถามทางไปวัดเจ้าของบ้านน่ารักมากๆบอกทางกัน 3 คนแย่งกันเหมือนกันทางนี้ดีกว่าไม่หลงและไปหยิบกระดาษเขียนแผนที่ให้เราส่วนผู้ชายก็บอกว่า ... เอ้างี้ไหมเดี๋ยวผมขับมอเตอร์ไซด์นำทางไปให้แป๊ปเดียวเองจังหวัดเค้าเป็นจังหวัดเล็กๆอำเภอเมืองก็เล็กๆถนนหนทางซับซ้อนมากแต่พวกเราขอบคุณและเกรงใจจึงไปตามทางที่เค้าบอกจนมาถึงสวน 200 ปีเจอแยกไฟแดงเอาหละสิเลี้ยวซ้ายหรือขวาดีคาไฟแดงหนุ่ยจึงวิ่งลงไปถามทางและชี้ไปซ้ายมือเฮ้อ ... กว่าจะถึงวัดเล่นเอาเหนื่อยเลย 555 ความแต่เหนี่อยยังไม่หยุดแค่นี้นะมาถึงวัดเกือบจะเที่ยงๆก็เข้าห้องน้ำเตรียมความพร้อมเพื่อบันได 449 ขั้นท่ามกลางแสงแดดตอนเที่ยงๆหมวกพร้อมร่มพร้อมใจพร้อมแต่กายบางคนไม่พร้อม 555
แอร์ (เณรแอ) เดินนำขึ้นไปคนแรกพวกเราตามหลังขึ้นไปช่วงแรกๆยังพอไหวแต่ยิ่งขึ้นๆไม่ได้เหนื่อยนะแต่แดดร้อนมั๊กๆร้อนโครตๆร่มเอาไม่ค่อยอยู่มีอยู่หนึ่งคนเจ็บเข่าบอกว่าไม่ไหวให้ไปก่อนดูจากรูปตอนหลังเห็นแล้วน่าสงสารจังเลยมิน่าหละชวนไปภูกระดึงที่ไรเธอปฏิเสธทันทีก็เพิ่งเข้าใจวันนี้นี่เอง
ยังเดินไม่ถึงเลยไอ้แอร์มันเดินลงมาแล้วแบบนี้เรียกว่าน็อครอบได้ปละช่างหัวมันลงก่อนก็ต้องไปรอข้างล่างแหละ 555 พวกเราใช้เวลานานมากเดินไปพักไปจนถึงขั้นสุดท้าย (ประมาณ 15 นาทีคนอื่นๆใช้ประมาณ 8 นาที) ก็จะพบกับระฆังปี 100 (ต้องตีให้ดังๆให้สมกับที่ดั้งด้นกันมาตั้ง 449 ขั้นและว่ากันว่าได้บุญมากๆใครที่เดินขึ้นมาเพราะว่าสมัยนี้เจริญแล้วเค้าไม่เดินกันแล้วมีแต่พวกเราแหละเค้าจอดรถด้านหลังและเดิน 2 -3 ก้าวก็ถึงแล้ว 555)
ออกจากวัดสังกัสฯ (ขากลับไม่ได้เดินลงบันไดให้แอร์ขับรถขึ้นมารับ) และก็แวะซื้อของฝากที่ร้านแม่ป่วยลั้งเป็นขนมปังสังขยา (อร่อยดีไม่เสียดายเงิน) และกุ้งข้าวกรอบ (อันนี้เราว่าไม่ค่อยอร่อยง่ะ) ก่อนออกจากร้านถามคนขายว่าร้านข้าวมันไก่โกตี๋ไปทางไหนคนขายบอกว่าบอกยากถนนซับซ้อนแต่ก็บอกมาจำไม่ได้หรอกแยกเยอะเราจึงถามอีกว่าอร่อยไหม (กลัวจะเหมือนก๋วยเตี๋ยวตู้ไม้) คนขายอึ้ง .... และบอกว่าคนกรุงเทพฯชอบถามแต่เค้าว่าไม่อร่อยร้านอื่นอร่อยกว่าได้ยินดังนั้นเปลี่ยนแผนดีฝ่าติ๊กถามอีกว่าส้มตำร้านไหนอร่อยเจ้าของร้านไม่ขอเสนอจึงเชื่อแล้วหละว่าจังหวัดนี้อาหารไม่ค่อยอร่อยจึงกลับกรุงเทพฯดีกว่าและค่อยแวะกินข้างทางจะอร่อยกว่าแน่ๆ
ระหว่างทางซื้อกระจับต้มกินอร่อยดีไม่ได้กินมานานแล้ว (ติ๊กเข็ดเชยมากไม่เคยกินก็ได้กินวันนี้แหละ) และก็แวะซื้อปลาช่อนแดดเดียวกันอีกคนละโลเราไม่ได้ซื้อเพราะขี้เกียจทอด (หนุ่ยให้มา 1 ตัวตอนไปส่งรุ่งขึ้นแอร์ทอดกินก็อร่อยดีไว้ผ่านสิงห์บุรีจะซื้อมาทอดกินอีก)
พวกเราเก่งมากแขวนท้องรอจากมื้อเช้าเพื่อมากินส้มตำที่มหาชัยโอ๊ย .... อร่อยสุดๆสั่งกันเต็มโต๊ะหนุ่ยอร่อยคนเดียวไม่พอยังเป็นลูกกตัญญูซื้อหมี่โคราชมากฝากแม่กับพ่อด้วย
หลังอาหารเย็นก็เคลียเงินเหลือคืนคนละ 290 บาท (เก็บตอนแรก 1,500 บาท) ส่งพี่ไพ่ผ่องและติ๊กเข็ดเสร็จก็ส่งหนุ่ยที่บ้านกลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ
***** ยังไม่จบมีแถมรีบเปิดประตูเข้าไป (ลืมบอกไปว่ามีคนปล่อยแมวไว้ที่หน้าบ้านเราจึงเลี้ยงมันก่อนไปเที่ยวได้ 2 วันพอวันไปเที่ยวขังมันไว้ในบ้านมันชื่อบุญธรรม " ")
หือ ... กลิ่นขึ้แมวหึ่งเลยวิ่งไปดูที่ห้องน้ำ 4 กองเลยง่ะท้องเสียด้วยกลิ่นจึงเหม็นมากรีบล้างห้องน้ำทำความสะอาดแต่โชคดีนะที่ไอ้บุญธรรมมันฉลาดถ่ายในห้องน้ำตลอดไม่เคยถ่ายที่อื่นเลยจนกระทั่งถึงวันที่เขียนบลอคเนี้ยมันก็ยังถ่ายในห้องน้ำทุกครั้งก็ถือว่าโชคดีของเราที่มันยังถ่ายเป็นที่เป็นทางช่างมันถ้ามันอยู่ก็เลี้ยงหนีไปก็ไม่เป็นไรแต่ตอนนี้รำคาญมันมากๆเลยกัดอยู่ได้บางคืนก็โดดขึ้นมานอนบนโน๊ตบุ๊คไม่ให้พิมพ์ไม่งั้นคงจะเขียนบลอคเสร็จแล้วหละซนฉิปเป้งเลยจบดีกว่าตอนนี้เจ็บมากๆแล้วจะได้หนีมันเข้านอนดีกว่าบ๊ายบายทริปหน้าวันพ่อเจอกันที่แก่งกระจานจุ๊บๆราตรีสวัสดิ์
ได้เที่ยว แถมยังได้บุญด้วย
ตอบลบสาธุ สาธุ
ผ่านพ้นไปด้วยดี สำหรับอุทัยทริป..เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่น่าประทับใจ
ตอบลบ(ยกเว้นอาหาร)โดยเฉพาะวิหารแก้วสวยงามเหลือเกิน ทริปนี้คุ้มอีกแล้ว
อิ่มบุญ อิ่มสุข ( อิ่มกุ้ง อิ่มปู จนแทบสำลัก )
แล้วพบกันใหม่ทริปวันพ่อ ณ เขื่อนแก่งกระจาน ..ขอบคุณ ๆ
ขอเพิ่มอีกนิ๊ด..บุญธรรมนุชหน้าตาตลกดีเนอะ (หมูบอกน่ารักจัง)
ตอบลบหนุ่ยทายว่านุชคงต้องเลี้ยงมันไปตลอดแหละ มันคงไม่ไปไหนแล้วหล่ะ
เขาว่ากันว่า แมวมาหา หมามาอยู่ ดีนักแล ..โชคดีเด้อ