วันอาทิตย์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ภูทับเบิก...มันมีอะไรดี triple 3 แล้วนะ

เร็วจังเลย วันพ่อปีที่แล้ว (52) ไปแก่งกระจาน ปีนี้วันพ่อเวียนมาบรรจบอีกครั้ง ไปไหนดีเนี่ย หยุดติด อาทิตย์ - จันทร์ ซะด้วย ตอนแรกก็คิดจะไม่ไปหรอก เพราะเบื่อ... ไม่อยากให้ไอ้โฮ้ง ต้องเลิกงานครึ่งคืน และขับรถกลับบ้าน ตอนตี 2 กลัวอันตราย แล้วนอนแป๊บเดียวตื่นมาก็ไปเที่ยวไหนไม่ทันแระ   จึงลาพักร้อนวันอังคารดีกว่า (เหลืออีก 2 วัน)  จึงไม่ได้ชวนเพื่อน ๆ ไปเนื่องจากติดปัญหาไอ้โฮ้งแหละ (เบื่อมาก ๆ มันชอบนอนด้วย ถ้าขากลับ กลับมืดหล่ะยุ่งเชียว มันกลัวไม่ได้นอน เซ็งฉิป)  

ตอนแรกกะว่าจะไป ช่องเย็น แต่หาข้อมูลไป หาข้อมูลมา ไม่เอาดีกว่า เพราะที่ช่องเย็นมี " ตัวคุ่น " เป็นเจ้าถิ่นอยู่ แล้วเราก็แพ้เจ้าตัวนี้ด้วย (เคยไปภูสอยดาว โดนกัดมา 1 ตัว คันไปเป็นเดือน ๆ แถมขาลายจนถึงทุกวันนี้เลย)  จึงเปลี่ยนใจ  และโทร.ไปถามที่กางเต้นท์ ที่ " เขาค้อทะเลหมอก " ปรากฏว่าเต้นท์ยังว่างมาได้เลย ไม่ต้องจอง (เนื่องจากเราจะไปวันที่ 6 ธันวาคม 2553 กลับ วันที่ 7 ธันวาคม 2553)  ซึ่งสวนทางกับคนส่วนใหญ่ ที่ไปกันตั้งแต่ วันที่ 4 และจะกลับกันวันที่ 6   เช่าเต้นท์นอน 2 คน ราคา 500 บาท แถมอาหารเช้า กาแฟ+ข้าวต้ม หรือนำเต้นท์ไปเองก็คนละ 150 (รวม 300) จึงจะเช่าดีกว่า จะได้ไม่ต้องกาง และกลับมาซักเต้นท์+ถุงนอน)  แต่ไอ้โฮ้งไม่เอา บอกว่าจะไปภูทับเบิก จะไปดูดอกกระหล่ำปี ทริปภูทับเบิก จึงเป็นรอบที่ 3 เริ่มขึ้น ณ บัดนี้

เช้าวันที่ 6 ตั้งนาฬิกาปลุกตอนตี 4 ครึ่ง แต่ได้ยินเสียงเจ้าโป้งอาบน้ำอยู่ จึงต่อเวลาไปอีก 10 นาที ฮิ ๆ พอถึงเวลาก็อาบน้ำ ปลุกไอ้โฮ้ง เก็บของขึ้นรถ เตรียมอาหารและน้ำ ให้เจ้านำโชคให้พอกินสำหรับ 2 วัน ออกเดินทางตอน ตี 5.30 น.  มุ่งหน้าสู่จังหวัดเพชรบูรณ์  ตอนแรกกะว่าจะแวะถ่ายรูปดอกทานตะวันที่ บ้านชอนน้อย อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรีก่อน แต่ไหงเลยทางเข้าไปได้งัยไม่รู้ เลยไม่เป็นไร ขากลับค่อยกลับมาก็ได้เพราะอยู่ฝั่งขากลับพอดี

ขับรถสบาย ๆ ถนนว่างมาก ๆ ถึงทางเลี้ยวที่จะขึ้นภูทับเบิก ตอน 11.30 น. จึงจอดทานขนมจีน ก่อนขึ้น อร่อยดี โดยเฉพาะกระหล่ำปลีต้นเนี่ย หวานกรอบชื่นใจ ทานหมดเกลี้ยงจานเลย 555




ฝีมือน้ำยาป่า กินกันไม่ลงกับเราเลย 555








ถึงภูทับเบิกตอนเที่ยง เวลาเหลือเยอะ จึงขับรถเลยที่กางเต้นท์ ไปเที่ยวที่แรกคือ HEAVEN HILL ก่อน เป็นสถานที่กางเต้นท์ สวยดีค่ะ ห้องน้ำสะอาดดี แถมหลังห้องน้ำยังมีดอกนางพญาเสือโคร่งให้ดูอีกด้วย









และซื้อมันต่อเผือก 1 ถุง 20 บาท และแครอท 10 บาท ไปกินคืนนี้ดีกว่า






ออกจาก HEAVEN HILL ก็ขับไปเที่ยวหมู่บ้านม้ง ทั้งสองครั้งที่มา ไม่ได้ขับมาเที่ยว มีโรงเรียน และสถานีอนามัย และ อบต.วังบาล ซึ่งมีบ้านพักไว้รับรอง และสถานที่กางเต้นท์ไว้บริการนักท่องเที่ยวด้วย แต่สำหรับเราไม่หรอก.... ต้องการนอนที่เดิมนั่นแหละ ตอนกลางคืนจะได้ดูดาวบนดิน และตอนเช้าชมทะเลหมอก และเดินเล่นแปลงกระหล่ำปลีด้วย




และไปไหว้พระกันดีกว่า เดี๋ยวนี้แก่แล้วมั๊ง ไปเที่ยวที่ไหน จ้องเข้าวัดทำบุญ เมื่อก่อนไม่เคยเลย หาที่เที่ยวสวย ๆ อย่างเดียว (แก่ตัวไปเนี้ยอะไร ๆ ก็เปลี่ยนไปได้นะ 555) 





วัดป่าภูทับเบิก เป็นวัดที่สูงที่สุดในประเทศไทย ตอนเช้าจะปกคลุมไปด้วยทะเลหมอก ตอนกลางคืนจะเห็นตัวอำเภอเมืองหล่มเก่า และอำเภอหล่มสัก  และตอนนี้ทางวัดกำลังจัดสร้าง "พระมหาเจดีย์โพธิปักขิยธรรม" เราจึงไม่รอรี  รีบเขียนชื่อ-สกุล วันเดือน-ปี-เกิดในแผ่นทอง (ทั้งครอบครัว 9 ใบ) และร่วมทำบุญไปด้วย เอาไว้เสร็จเมื่อไหร่จะกลับมาไหว้อีกครั้ง อย่างน้อยก็ภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมกับเค้าด้วย  (แบบนี้ก็ต้องมีครั้งที่ 4 นะดิ๊)







ภายในวัดเงียบมาก มีสมุนไพร และชา +กาแฟ ให้ชงฟรี แต่เราไม่เอา เดี๋ยวคืนนี้นอนไม่หลับ)  และได้ถ่ายรูปพระประทานภายในวัด 




รอบนอกก็จะมีพระโพธิ์สัตว์กวนอิม





พระมหาสังฆ์กัจจาย





และอย่าลืมรอดท้องช้างกันนะคะ





และนี่คือสถานที่ก่อสร้าง   เสร็จเมื่อไหร่ได้เจอกันแน่ ๆ ค่ะ



และดอกบัวตอง ก่อนทางขึ้นวัดค่ะ





ประมาณบ่าย 2 ก็ออกจากวัดไปหาที่กางเต้นท์ดีกว่า คนคงไม่เยอะหรอกมั๊ง (คิดเอง) ระหว่างทางเห็นเสือ จึงลงรถมาถ่ายรูปซะหน่อย





ถ้าขึ้นไปยืนถ่ายก็เก็บ 10 บาท  แต่เราไม่ขึ้นหรอก ไม่ใช่เพราะกลัวเสียเงิน แต่กรูไปกันแค่ 2 คน ไอ้โฮ้งนั่งรอในรถ เราจึงถ่ายอยู่ข้างล่าง เจ้าของร้านบอกว่าไม่เก็บเงินค่ะ



 และถ่ายดอกกระดาษมาด้วย สวยดี  (กลับมาบ้านรู้งี้ซื้อดอกกระดาษมาด้วยก็จะดี ใส่แจกันห้องพระ คงจะอยู่ได้คงทนแถมสวยดีด้วย)



และแล้วก็มาถึงที่กางเต้นท์..... ว๊ายมันเปลี่ยนไปเยอะเลยง่ะ  ร้านค้าผุดขึ้นเหมือนดอกเห็ด  แปลงกระหล่ำปลี ก็ถูกถอนออกเปลี่ยนเป็นที่จอดรถ และกางเต้นท์แทน แถมที่จุดชมวิว ก็กำลังสร้างอะไรไม่รู้ สงสัยจะเป็นหอชมวิวมั๊ง (เดา)  ไม่ชอบเลย ธรรมชาติเดิม ๆ ได้หายไปหมด แต่ทำงัยได้ ก็ภูทับเบิก เค้าดังแล้วนี่ นักท่องเที่ยวก็แห่กันมา ความเจริญ และความเสื่อมโทรมก็ตามมาติด ๆ เฮ้อ



กางเต้นท์หน้าที่ก่อสร้างเลือกจุดที่สูง และขยับเยื้อง ๆ ที่ก่อสร้างมานิด จะได้สัมผัสกับบรรยากาศภูทับเบิกหน่อย แต่อย่าหันหลังนะ จะทำให้คุณเสียบรรยากาศหมด หึ ๆๆๆๆ  คนเยอะแฮะ คิดว่าจะน้อย (เมื่อวานคงจะเยอะน่าดู)  คนคิดกลับทางเหมือนเราเยอะเลย 555  





กางเสร็จก็ไปอาบน้ำ (บ่าย 3 กว่า ๆ )  น้ำห้องน้ำดี นักท่องเที่ยวไม่ค่อยเยอะมาก ห้องจึงว่างตลอด โหแต่ขอบอก น้ำเย็นสุด ๆ (เหมือนเอาน้ำในตู้เย็นมาราด)  แต่ก็อาบแบบสบาย ๆ เพราะไม่มีใครมาต่อคิวกดดันอยู่ด้านนอกเหมือนทุก ๆ ทริปที่เคยเที่ยวมา





อาบน้ำเสร็จก็ต้มมันกิน อร่อยดีจัง หวานมาก ๆ กินหมดเกลี้ยงเลย 555  และสั่งให้ไอ้โฮ้งไปสั่งข้าวกล่องมา 2 กล่อง (กระเพาะ ไข่ดาว) กลัวคนเยอะเดี๋ยวนาน ระหว่างที่จะไปอาบน้ำ ไอ้โฮ้งเดินกลับมาบอกว่า ไม่มีนะไอ้กระเพาะนะ ฉันเลยสั่งผัดกระหล่ำปี ให้เธอ และของฉันก็คะหน้าหมูกรอบ  เราก็เออ... ไม่เป็นไร ลืมไปว่ามานี่ต้องกินกระหล่ำปลีนี่หน่า



และก็เดินไปเอาข้าวกล่องด้วยกัน (ไม่ได้ใส่เสื้อกันหนาวไป) ถึงร้านแม่ค้าบอกว่า ยังไม่ได้ทำนะ เพราะหมูกรอบหมด มีแต่หมูชิ้น กับหมูหมัก จึงไม่กล้าทำ..  เราดีใจมาก ๆ เลย รีบบอกว่าไม่ต้องดีเลย งั้นสั่งใส่จานทานที่ร้านเลยดีกว่า เพราะว่าบรรยากาศร้านน่านั่งมาก ๆ ไม่เชื่อลองดูก็ได้




ทานไป มองวิวแปลงกระหล่ำปลี สวยดี แถมกระหล่ำปลีก็กรอบ หวาน อร่อย เผลอแผล็บเดียวหมดแระ




ทานเสร็จก็เดินถ่ายรูปกันดีกว่า  แต่ถ่ายไป ถ่ายมา หนาวแล้วง่ะ  5 โมงกว่า ๆ เอง รีบกลับดีกว่าเดี่ยวไม่สบาย 555

กลัวไม่รู้ว่ามา ขออีกรูป




ถึงที่เต้นท์ ก็นั่งทานขนม และเดินไปดูดาวบนดิน สวยเหมือนเดิม อากาศเริ่มเย็นลง เย็นลง เอากล้องมาถ่ายก็ถ่ายไม่ได้ (ถ่ายไม่เป็น)  กดชัตเตอร์ไม่ได้เลย โทร.ถามพี่จึดก็แล้ว ทำไมมันถ่ายไม่ได้ฟ่ะ  เดินกลับเข้าเต้นท์ ทำไมมันถ่ายได้ จึงชวนไอ้โฮ้งไปอีก หวังว่าจะถ่ายได้ แต่ก็ยังไม่ได้อีก  เลยตั้งกล้องแบบ
ถ่ายคนตอนกลางคืน เสือกถ่ายได้ (แต่เราไม่ชอบถ่ายคนนี่)  เลยต้องเก็บความประทับไว้แค่ความทรงจำแล้วกันเนอะ




กลับมาที่เต้นท์ ก็กินขนม และวิวด้านหน้าคือ HEAVEN HILL ตอนกลางคืนสวยดี และที่หมู่บ้านก็จุดพลุด้วย สวยดี นั่งในเต้นท์ก็เห็นได้เลย จุดพลุไปหลายลูก (เสือกไม่หยิบกล้องมาถ่าย)  ตอนหลังหยิบกล้องมาถ่ายเล่น ตั้งกล้องบนเข่าตัวเองเล็งตั้งนาน ครึ่งชั่วโมงได้มั้ง ฟลุ๊คแฮะ ได้มารูปเดียว แต่ก็ภูมิใจเหมือนกัน เป็นครั้งแรกที่ถ่ายพลุได้ 555



นอนกลางคืน ลมแรงมาก ๆ นอนไปก็คิดไป ลมจ๋าอย่าพัดแรงได้ไหม เดี๋ยวก็พัดทะเลหมอกของฉันไปหมดหรอก แล้วพรุ่งนี้ฉันก็อดถ่ายรูปนะสิ

สะดุ้งตื่นตอนตี 1 กว่า ๆ นึกว่าเช้าแล้ว ก็คนงานก่อสร้างขยันอะไร กันนักกันหนา ตื่นมาทุบอะไรไม่รู้ นานเชียว โห...ใครให้มันทำโอทีว๊ะเนี่ย..... คนจะนอน

ตี 5 ไอ้โฮ้งปลุกชวนไปห้องน้ำ เดี๋ยวคนเยอะ จึงตื่นไปห้องน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน (อย่านึกนะว่าน้ำจะได้สัมผัสร่างกายฉัน.....เมินซะเถอะ ไม่ได้แอ้มหรอก) 




แล้วก็เดินมารอพระอาทิตย์ขึ้น แต่ลมแรง ฟ้าปิดบ้าง เปิดบ้าง ถ่ายพระอาทิตย์ ไม่ค่อยสวย เนื่องจากมีก้อนเมฆลอยบังพอดี





ขณะถ่าย ๆ ก็มองมาด้านซ้าย ว๊าวว ทะเลหมอก ลมพัดมา โชคดีที่ยังได้เห็นบ้าง ถ้าไม่มีลมแรง คงจะสวยน่าดู เห็นดังนั้นจึ่งวิ่งลงไปถ่ายได้รูปมาแบบเนี้ย




สวยงามมาก ๆ ไม่อยากกลับบ้านเลย

ซ้ายมั่ง  ขวามั่ง


ยิงไม่ยั้ง





อยากหยุดเวลาไว้ตรงนี้จัง




กลับจากถ่ายรูปเสร็จก็มาต้มมาม่าทาน และเดินไปที่ดงกระหล่ำปลี เห็นเค้ากำลังตัดกระหล่ำปลี จึงเดินไปถ่ายรูป และซื้อกลับมา 2 ถุง @ 50 บาท เป็นของฝากที่ขาดไม่ได้เชียว




ขณะเก็บเต้นท์ ได้ยินเสียงเจ้าหน้าที่ประกาศว่าวันนี้ (7 ธันวาคม) เป็นวันปีใหม่ม้ง ถ้าใครว่างก็ให้ขับรถไปเที่ยวได้ที่หมู่บ้าน แต่ว่าเราไปมาแล้วเมื่อเย็นเลยไม่ได้ไป

ออกจากภูได้นิดเดียวเจอสถานที่โล่ง ๆ เห็นเค้าจัดงานปีใหม่กัน จึงให้ไอ้โฮ้งจอดรถนำขนมไปแจกเด็ก ๆ ดีกว่า (คิดอยู่แล้วว่าจะซื้อมาแจกเด็ก)  เด็กบางคนก็ใส่ชุดชาวเขา แต่หลาย ๆ คนไม่ได้ใส่ จึงลงไปแจกขนม และขอถ่ายรูปเด็ก ๆ น่ารัก ๆ


เด็ก ๆ น่ารักเรียกถ่ายก็ให้ถ่าย ไม่เหมือน ไอ้เพลินเลย ชอบทำหน้าตลก ๆ ตอนถ่ายรูป 555








ได้ขนมไปยิ้มได้เลย


เดินถ่ายไปเรื่อย ๆ อ้าว คนขับไม่ตามมา แล้วขนมก็เล่นแจกซะเกลี้ยงเลยทีเดียว คนหนึ่งได้ไปเยอะ เราก็โมโห โถ แล้วเราจะขอเด็กทีแต่งตัวสวย ๆ ถ่ายและจะเอาอะไรมาให้เค้าหล่ะ ป๊าดด อีกแล้วนะมึง จึงให้ไปหาขนมในรถอีก (ฮ้อนแอบเก็บไว้กินเอง) เลยเอามาแจกเด็ก ๆ เลยได้รูปสวย ๆ มาหลายรูปเหมือนกัน




ขากลับออกจากภูทับเบิก ไอ้โฮ้งเนี่ยแม่ง ใครอย่าให้มันขับไปไหนนะ ไปผิดทางตลอดเลย ออกมาปุ๊บ เลี้ยวขวา (จะไปภูหินร่องกล้า)  ฟายยย เลี้ยวซ้ายสิ เลี้ยวขวาให้เค้าเก็บค่าเข้าอุทยานเหรอ  จึงกลับรถขับออกมา ขับมาเรื่อย ถึงร้านขนมจีนที่กินเมื่อวาน เราเลยรีบบอก เลี้ยวขวานะ (กลัวมันหลงอีก)   ขับมาเรื่อย ๆ ถึงสี่แยก เราบอกเลี้ยวซ้าย มันบอกบอกก่อนเราเลี้ยวขวาฉันจำได้ เราก็เตือนใช่เหรอ มันบอกชัวร์ ฉันจำได้  ขับมานิดเดียวเจอร้านขายมะขาม จึงจอดลงไปซื้อ (คิดในใจทำไมตอนมามันไม่เห็นฟ่ะ)  ออกจากร้านมะขาม ก็ขับต่อไปอีก ทางมันขึ้นเขา ไปเรื่อย ๆ  " เฮ้ยไอ้โฮ้ง กรูว่ามึงมาผิดแล้วนะ ไม่คุ้นเลย ผิดแน่ ๆ เนี่ย เหมือนทางไปเขาค้อเลย จอดเลย"   มันเลยขับไปอีกนิด ถึงร้านขายของข้างทาง เราก็เลยลงไปซื้อ ฝักแม้ว และคะน้าญี่ปุ่น ไอ้โฮ้งเลยถามคนขาย เรายืนฟังอยู่



แม่ค้า " ผิดแล้วจ๊ะ ทางนี้ไปเขาค้อ ไปกรุงเทพฯทางนี้ก็ได้ แต่ไกลและขับยาก กลับทางเดิมดีกว่า ง่ายกว่า และก็ใช่ทางที่เราบอกมันแหละ เฮ้อ....ไอ้บัฟ เอ๋ย

และก็มุ่งหน้ากลับกรุงเทพฯ ผ่าน อ.วิเชียรบุรี ก็ต้องทานไก่ย่างวิเชียรบุรี (ความเห็นส่วนตัวนะ มันก็ไม่ได้อร่อยหรอก) แต่มันเที่ยงพอดี เอาอีกมีเรื่องไอ้โฮ้งอีก คือทริปนี้เราไม่ได้ใส่คอนแทคเลนน์ แต่ใส่แว่นตาไป และไอ้แว่นตาเจ้ากรรม แม่งทำไม่ดี เลนน์มันหลุดออกมาจากกรอบ เมื่อตอนอยู่ในเต้นท์ มารอบหนึ่งแล้ว เราจับยัดเข้าไปใหม่  และพอใกล้ถึง วิเชียรบุรี เราถอดแว่นออก และปะแป้ง ปากก็บอกไอ้โฮ้งว่าจะถึงแล้วนะ (ร้านตาแปะ)  จอดเลยนะ มันมีไม่กี่ร้าน หรอก อย่าเลยหล่ะถ้าเลยก็อดเลย  

แหมมันช่างซวยจริง ๆ พอหยิบแว่นตามาใส่ ทำไมมันไม่ชัดเลยว๊ะ  ตากรูเป็นอะไรไปเนี่ย ถอดเข้า ถอดออกแล้วมอง เฮ้ย ไอ้สาดดดด เลนน์หลุดอีกแล้ว  (เราจะมองอะไรไม่เห็นเลย) เลยรีบหาเลนน์ในรถ และบอกให้ไอ้โฮ้งมองร้านด้วย (เรื่องง่าย ๆ คนธรรมดาน่าจะทำได้นะ)  ระหว่างที่หาเลนน์ เจอแล้วก็จับเลนน์ใส่กรอบ พอใส่เสร็จ อ้าวร้านไปไหนแล้วหล่ะ  ไอ้โฮ้งบอกเลยมาแระ  เห็นมีตั้งหลายร้าน ไม่ได้จอด เดี่ยวข้างหน้าก็น่าจะมี .....   โหของขึ้นเลย ไอ้ฟายยยยยย   เลยอีกแล้วนะมึงมันมีแค่นี้แหละ จึงสั่งให้กลับรถ เพื่อกลับไปกินต่อ  (ไปมาตั้งหลายครั้งไม่เคยจำเลย ว่าขามาจะเป็นร้านบัวตอง ขากลับจะเป็นร้านตาแป๊ะ) 






กว่าจะได้ทาน ไอ้โฮ้งไถนาเสร็จพอดี เบื่อจัง




สั่งไก่ย่างมาครึ่งตัว และยำเห็ด 3 อย่าง และปลาทับทิมทอด  ปลากับเห็ดอร่อยมาก ปลาจะมาช้าหน่อย พอมา ไอ้โฮ้งบอก ถ้ามีเวลาเยอะ ๆ ฉันจะกินปลาให้หมดตัวเลยสด ๆ อร่อยดี เราก็บอกก็กินไปดิ๊ ใครไปห้ามหล่ะ มันบอกว่า เดี๋ยวเธอต้องไปดูทานตะว้นอีกไม่ใช่เหรอ และต้องเอาของฝากไปให้หมู กับแม่อีก สาดดดดด ....  พูดซะกรู ไม่กล้าไปดูดอกทานตะวันเลย (มันเป็นทางผ่านก็จริง แต่ต้องขับเข้าไปอีก 9 กิโล จะจริงหรือเปล่าไม่รู้ป้ายชอบหรอก ถ้ารวมถ่ายรูป เดินทางเข้า-ออกก็เป็นชั่วโมงแหละ) เราเลย เออ ๆๆ กินไปเลยไม่ไปทุ่งทานตะวันก็ได้ เสร็จแล้วกลับเลย เซ็งจังเมื่อไหร่มันจะลาออกจากงานแล้ว กลับมาทำงานเหมือนคนปกติซะทีว๊ะ



ถึงบ้าน บ่าย 4 โมงครึ่ง โดยสวัสดิภาพ นำของฝากไปให้หมู และแม่ เก็บอึเจ้าลูกชาย เป็นอันจบทริป สั้น ๆ ถือว่าเปลี่ยนที่นอน และไปชาร์ตแบต ได้ดีเลยทีเดียว ทริปหน้าไม่รู้ไปไหน แต่ที่แน่  ๆ กุมภานี้ บินไปภูเก็ตแล้วจ้า .....แล้วเจอกันใหม่ทริปหน้าจ๊ะ

ค่าใช้จ่าย
 ค่าน้ำมันรถ 2000 บาท (913 กิโล)  กาแฟ+ฟิซซ่าในปั๊ม 52 , ขนมจีน 70, มัน 20, แครอท 10 ,ทำบุญ 200 ,ค่ากางเต้นท์ 80 (คนละ 40), อาหารเย็นแสนอร่อย 125 , กระหล่ำปลี 100, ฝักแม้ว+คะน้า 50, ถั่วอะไรไม่รู้ 50, มะขาม 200, มันแกว 50, ไก่ย่างตาแป๊ะ 315