วันอาทิตย์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2551

ขุนวาง,แม่จอนหลวง,เขื่อนแม่งัด,อช.ศรีสัชฯ

ปเมื่อ 30 ธค.50 - 3 มค.51


ไปกัน 8 คน มีสมาชิกดังนี้ 1. พลขับ นายฮ้อน สามีฉันเอง 2. นุช(ตัวข้าพเจ้าเอง) 3. หนุ่ย (น้องสาว) 4. โป้ง (แฟนน้อง) 5.ติ๊ก (เพื่อนรัก) 6.พี่ว๋ง (สมาชิกต่างวัยแต่ใจเดียวกัน) 7.หน่อย (ชมรมคนรักเด็ก) 8. เจ้าต้น(แฟนหน่อย) เก็บค่าใช้จ่ายคน ละ 3000 บาทยกเว้น คนขับ รวมเป็น 21,000 บาท

ออกเดินทาง 3 คืนวันที่ 30 ธค.50 ถึงเช้า ที่สวนสนบ่อแก้ว แวะถ่ายรูปชักภาพกันซักหน่อย โชคดีที่ไปถึงเข้าไม่มีคน จึงเก็บภาพได้เพียบ แถมกระโดดถ่ายภาพกันจนเหนื่อย












หลังจากที่ได้ภาพสวย ๆ ก็จะหาอะไรทานเสียหน่อย แต่ร้านค้าเจ้ากรรม ดันไม่เปิด ทำงัยหละ แต่ไม่มีอะไรมาขัดขวางความหิวเราได้ จึงต้มมาม่ากินกันที่นั่น แก้มกับหมู กับ เนื้อ เค็ม บวกข้าวเหนียว ที่พี่สาวแสนสวยของเรา (พี่หมู) จะต้องซื้อให้ติดตัวทุกครั้งที่พวกเราไปเที่ยว เมื่ออิ่มหนำสำราญแล้ว มุ่งหน้าสู่แม่จอนหลวง ที่พักของเราคืนนี้ ก่อนถึงแม่จอนหลวงไม่ลืมที่จะซื้อส้ม (ผลไม้ที่ขาดไม่ได้ประจำ trip) และน้ำแข็ง มุ่งหน้าสูขุนวางเจ้า....


ทางไปขุนวางและแม่จอนหลวง ก็คือทางที่จะขี้นไปดอยอินทนนท์ แต่ยังไม่ถึง เลี้ยวขวา ก่อน ตรงแยกอะไรจำไม่ได้แล้ว แต่ก็มาถึงที่ขุนวาง ระหว่างทาง เห็นดอกนางพญาเสือโคร่งบานสะพรั่ง เต็มทาง ก็ตื่นเต้นมาก ๆ (ไปมาหลายปีไม่ค่อยโชคดีแบบนี้ บางครั้งดอกยังไม่บาน) พอถึงขุนวาง ก็กรี๊ดกร๊าดกันใหญ่ เพราะต้นนางพญาเสือโคร่งเยอะแยะไปหมด หรือจะเรียกอีกชื่อว่า ซากุระเมืองไทย แวะถ่ายรูปอีกแล้ว เก็บภาพ กันชื่นใจ


และต้องขับรถไปต่ออีก 7 กิโล ถึงจะถึงแม่จอนหลวง ที่พักของเรา ตอนแรกคิดว่า 7 กิโล จะชิว ๆ แต่โอ้โห สุดยอด ทางขรุขระ สุด ๆ แต่ก็ได้บรรยากาศ ฝุ่นตลบ พวกนั่งข้างหลัง กระแทก จนเพื่อนติ๊กเรา ตกเลือดเชียว แต่ก็มาถึงแม่จอนหลวงจนได้ แต่ก็คุ้มค่ากับการนั่งรถ กระแทก ไปกระแทกมา บางครั้งต้องลงมาเอาหินค้ำที่ล้อ ก็รถเราคนเยอะนี่ แถมเสบียงก็เพียบ ทั้งคนทั้งของแน่นรถไปหมด แต่ก็มาถึงจนได้ พอไปถึงคุ้มกับระยะทาง เพราะที่นี่สวยดีนะ แถมเป็นส่วนตัว เงียบสงบดีเราไปถึงประมาณเที่ยง เริ่มหิวแล้วสิแต่เราไม่ได้จองล่วงหน้า จึงสั่งอะไรไม่ได้จึงต้องทานข้าวผัดกัน จากนั้นก็เข้าที่พัก บ้านพักเป็นเตียงรวม ฝั่งละ 5 เตียง แยกย้ายกันจองที่พัก และเล่น ปิงโก กัน บ้างก็อาบน้ำ (แต่ขอบอกว่าห้องน้ำไม่ค่อยดีนะใช้ได้ไม่กี่ห้อง ที่จะติก็คือห้องน้ำแหละ นอกนั้นก็ดีหมด) ส่วนข้าพเจ้าเมื่ออาบน้ำเสร็จ ก็ออกมาถ่ายภาพ จะถ่ายอะไรไม่ได้เลย นอกจาก ดอกซากุระ ก็มันเต็มไปหมด





ตกเย็นก็เก็บภาพพระอาทิตย์ตกดินกัน และไปรอทานอาหารเย็น ที่ต้องสั่งล่วงหน้าตอนจองบ้านพัก มิฉะนั้น ไม่มีขายนะจ๊ะ ต้องทำกินเอง รอทานอาหารนาน มาก ๆ อากาศก็เริ่มเย็นลง ๆ จนหนาวเหลือเกิน ทานไปหนาวไป อาหารเติมได้ไม่อั้น มื้อนี้รอดตาย ไปอีกมื้อ ก่อนกลับไปเข้านอนกับที่นอนอุ่น ๆ (เสียดายไม่ได้นอนเต้นท์เลยเหมือนอะไรหายไปบางอย่าง)















รุ่งขึ้นเช้าของวันใหม่ ตื่นดูทะเลหมอก สวยดีจัง ไม่ต้องเดินไปไหนไกล ออกจากที่พักมาก็เจอแล้ว หลังจากอาบน้ำเสร็จ ก็เตรียมตัวทานข้าวเช้า ( trip นี้ ผู้ดีจริง ) อาหารเช้าเป็นข้าวต้ม เติมได้ไม่อั้นเหมือนเคย เมื่อทานเสร็จก็ จ่ายค่าเสียหาย ค่าบ้านพัก รวม อาหาร 2 มื้อ เป็น 2,040 บาท





ออกจากแม่จอนหลวง ตามแผนก็แวะที่ ดอยอินทนนท์ ระยะทางใกล้ แต่รถแห่กันขึ้นไปเพียบ รถติดยาวเหยียด กว่าจะหาที่จอดได้ เล่นเอาเจ้าต้น อ๊วก จนหมดไส้ (เด็กเพิ่งเคยมาเขาก็อย่างนี้แหละ ไปบ่อย ๆ ก็จะชินเอง เหมือนตุ๊กติ๊ก กับ trip แรกไม่มีผิด ฮิ ๆๆ) แต่ก็มิวายจะเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึกอีกตามเคย















ออกจากดอยอินทนนท์ ก็มุ่งหน้าสู่ อช.ศรีลานนา คืนนี้เราจะนอนแพกันที่เขื่อนแม่งัด (จองที่พักออนไลน์ 1 คืน 1200 บาท นอนได้ 6 ท่าน แต่ไป 8 ก็ได้ แพไม่จมฮิ ๆ )ที่พักก็โอเคดีค่ะ มี 2 แพ ติดกัน ของเราจะเป็นการจองทางอินเตอร์เน็ต ส่วนอีกแพเป็นการจองที่อุทยานเลย ที่นี่สงบเงียบดีค่ะ










มาถึงก็สั่งอาหารกันเลย ข้าง ๆ แพจะมีร้านค้าสวัสดิการจะนำเมนูมาให้ และโทร.สั่งได้ อาหารที่ขึ้นชื่อที่นี่คือ ปลาสร้อยทอดกรอบ อร่อยจริง ๆ ค่ะ เพราะสดมาก เนื่องจากจับมาเขื่อนที่เราพักเนี่ยแหละ อาหารที่สั่งก็มี 1.ปลาสร้อยทอดกรอบ (สุดยอดแย่งกันกินน่าดู) 80 บาท2.ยำสาวศรีลานนา 60 บาท 3.ปลาทับทิมนึ่งมะนาว 120 บาท4.ต้มยำรวมมิตร 80 บาท 5.ปลานิลทอดกระเทียม 100 บาท 6.ยำสมุนไพรกรอบ 60 บาท(คราวหน้าไอ้ติ๊ก มึงไม่ต้องสั่งนะ เพราะไม่มีโปรตีนเลย มีแต่สมุนไพรล้วน ๆ กินไม่ได้นะเหลือทิ้ง) 7.ผัดผักรวมมิตร 40 บาท 8.ไก่ผัดเม็ดมะม่วง 60 บาท และข้าวเปล่า 3 โถ 120 บาท รวมค่าอาหาร 720 บาท อร่อยให้ 5 ดาว ราคาไม่แพง คุ้มค่ามาก ๆ ค่ะ หลังจากจัดการกับอาหารเที่ยง ก็มาเล่น ปิงโก ต่อกันที่ระเบียงแพ ตกกลางคืน ต่อด้วยเล่นพลุ ดอกไม้ไฟ (คิดไม่ถึงว่าต้องเล่นดอกไม้ไฟ ก็ดีนะ ถ้าไม่มีเจ้าต้นไปด้วย ความคิดดี ๆ แบบนี้ก็คงไม่มี) และก็ปล่อยโคม ไฟ 2 โคม แข่งกัน โคมละ 4 คน สนุกดีค่ะ ถือว่าได้ปล่อยเคราะห์ปล่อยโศก แค่นี้ก็สุขแล้วหละ ก่อนแยกย้ายกันไปนอน
















เช้าอีกแล้วหรือ ทำไมเวลามีความสุข (นอน) มันเร็วจัง แปลกมั๊ย อากาศหนาวแต่ะถ้านอนที่แพ ไม่ยักจะหนาว (เชื่อปละ ถ้าไม่เชื่อลองมานอนดูแล้วจะรู้ เพราะทดสอบนอนแพแล้ว 2 ครั้ง ไม่หนาวเลยซักครั้ง) ตื่นเช้า ถ้าจะดูพระอาทิตย์ขึ้นต้องเดินไปที่สันเขื่อน ถึงจะเห็นพระอาทิตย์ แต่ถ้าอยู่ทีแพอย่างพวกเราก็จะไม่เห็น เพราะภูเขาจะบัง เห็นแบบนิด ๆ และทะเลหมอกจะเห็นแบบไกล ๆ









เก็บข้าวของออกจากแพที่พักและได้แวะเที่ยวที่วนอุทยานน้ำตกบัวตองและน้ำพุเจ็ดสี เราไปถึงเช้ามาก ยังไม่มีนักท่องเที่ยวเลย มีแต่เจ้าหมาน้อยน่ารัก ๆ คาบกระดาษทิชชู่ มาให้ (รู้ได้งัย...ว่าเราอยากเข้าห้องน้ำ)
จากนั้นก็เดินไปดูน้ำพุเจ็ดสี น้ำใสมาก ๆ แต่ไม่เห็นมีเจ็ดสีเลย (ตามตำนานว่าไว้เมื่อก่อนน้ำใสมาก ๆ และจะเปลี่ยนสีไปเรื่อย ตามอุณหภูมิ และเป็นน้ำพุขึ้นมา แต่ปัจจุบัน น้ำไม่มีเป็นเพราะคนเราเนี่ยแหละที่ คอยตัดไม้ทำลายป่า จนมีผลกระทบต่อธรรมชาติ) เสียดาย ..... แต่ก็เก็บภาพไว้อีกตามเคย












ใกล้ ๆ กันจะเป็นน้ำตกบัวตอง ต้องเดินลงไปหน่อยเดียว แต่พอมาถึง สุดยอด จริง ๆ เป็นน้ำตกหินปูน แต่หินที่นี่ขาวมาก ๆ และไม่ลื่นด้วย สามารถปีนขึ้นไปถ่ายรูปได้ เราจึงปีนขึ้นไปเก็บภาพเสียยกใหญ่












ออกจากน้ำตก เราจะไปไหนกันดีหละ จึงขับลงมาเรื่อย ๆ และที่สำคัญคืนนี้ไม่ได้จองที่พักไว้ด้วยสิ ตามโปรแกรม ค่ำไหน นอนนั่น แต่แล้วความคิดชั่ว ๆ ของพวกเราจึงตัดสินใจคืนนี้เราจะค้างที่ อช.ศรีสัชนาลัย เพี่อเป็นบทลงโทษ ของสมาชิกท่านหนึ่ง (ไม่ขอเอ่ยนาม) เพราะใจโลเลมาก ๆ เดี่ยวไป เดี๋ยวไม่ไป แต่ทราบมาว่า มัน....อุ้ย....เธอผู้นี้ใฝ่ฝันว่า อยากไป ศรีสัชฯ มาก ๆ จึงเอาวะ ในเมื่อเพื่อนอยากไปเราก็จัดให้ คือไปเที่ยวแทนมันงัย ไปถึงที่ อช. ไม่มีคนเลย ตอนแรกกะว่าจะนอนเต้นท์กัน (มีคนหนึ่ง ได้เต้นท์ใหม่ แฟนซื้อให้ กะว่าคืนนี้ได้นอนเต้นท์ใหม่ แต่พอไปติดต่อเจ้าหน้าที่ เพื่อขออนุญาติกางเต้นท์ และมีค่าใช้จ่ายต่อหัว คือ คนละ 40 บาท ( 8 คน ก็ 320 บาท) แต่ถ้าเช่าบ้านพัก ก็ 1 หลัง นอนได้ 4-5 คน (แต่เจ้าหน้าที่โกหกบอกว่านอนได้ 8 คน ) ราคา 1000 บาท จึงคิดว่าเช่าบ้านดีกว่า ไหน ๆ ทริปนี้ ก็ผู้ดีแล้ว ก็ผู้ดีตลอด (ทำให้เพื่อนเรางอนไปเลย อยากใช้เต้นท์ใจแทบขาด อย่าน้อยใจนะ เอาไว้ทริปหน้าชัวร์จ๊ะ)













ออกจากที่พักเตรียมตัวกลับสู่กรุงเทพฯ (แย่จังพรุ่งนี้ทำงานอีกแล้ว) แต่ก็ไม่พลาดที่จะแวะเที่ยวที่ อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย ที่นี่สวยมาก ๆ แต่เรามีเวลาไม่มากพอที่จะเก็บภาพความสวยงาม ที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ สมแล้วที่ได้รับยกย่อยว่าเป็นมรดกโลก เพราะงดงามจริง ๆ ประทับใจค่ะ ที่ได้ไปเยือน






























ก่อนกลับสู่กรุงเทพฯ ด้วยสวัสดิภาพ ค่าใช้จ่ายทั้งหมด 14,820 บาท (ค่าน้ำมัน 5,090 บาท) เจอกันทริปหน้านะ......