วันศุกร์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2552

แก่งกระจาน...เขาพะเนินทุ่ง

วันพ่อปีนี้... เป็นวันเสาร์จึงหยุดติดต่อกัน 2 วัน อย่างนี้ก็เสร็จเราดิ๊... ไปเที่ยวแก่งกระจาน ชมทะเลหมอกใกล้ ๆ กรุงเทพฯ ดีกว่า จึงจองบ้านพักริมน้ำ เอาไว้ 1 หลัง ..ตอนแรกจองไว้ 2 หลัง คิดไปคิดมารีบสละทิ้งเหลือ 1 หลังพอ เพราะคนไป 6 คน ก็เป็นสมาชิกกรุ๊ปเดิมแหละที่ไปวัดท่าซุงเมื่อวันปิยะฯ บ้านนอนได้ 4 คน อีก 2 คน (ติ๊กทิงเจอร์ กับเจ้าโป้ง)ค่อยกางเต้นท์เอาหรือยอมเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มอีกคนละ 100 ประหยัดตังค์กว่าเยอะ เพราะเราต้องเช่ารถขึ้นไปชมทะเลหมอกตอนเช้าเดี๋ยวค่าใช้จ่ายจะไปกันใหญ่ (ไม่ค่อยจะงกเลยเรา 555)

6 โมงครึ่งหนุ่ย+โป้งมารอที่ป้ายรถเมล์หน้าบ้านเหมือนเคย และฮ้อนก็ลางานครึ่งคืนเหมือนเดิม และขับไปรับติ๊กกับพี่ผ่อง ไปซื้ออาหารทะเลที่มหาชัย เหมือนหนังเรื่องเดิมไม่มีผิด แต่ต่างกันก็ตรงที่ตลาดน้ำท่วมมาก ๆ ถึงครึ่งเข่า ขาเนี้ยเปียกซกเลยเดินลุยน้ำกันเลยหละ 555 (ติ๊กโทร.มาบอกว่าน้ำทะเลหนุนน้ำขึ้นมาก ๆ ให้ใส่ขาสั้นมาจ่ายตลาด)เรารีบโทร.หาหนุ่ยตอนเช้าเลยว่าน้ำจะท่วมนะ ให้เปลี่ยนเป็นกางเกงขาสั้นมา หนุ่ยเซ็งเลยตอนแรกใส่ขายาว กับรองเท้าผ้าใบ (ซื้อใหม่) เลยต้องเปลี่ยนเป็นกางเกงทหารกับรองเท้าแตะ ลุย

ที่ตลาดหมาชัยตรงท่าน้ำ น้ำขึ้นมาก ๆ ไม่เคยเห็นเรือลอยขึ้นสูงแบบนี้มาก่อนเลย และน้ำทะเลก็ปุด ๆ เตรียมจะท่วมตลาดแล้ว จึงรีบซื้ออาหารกันใหญ่ ไม่ได้เดินเลือกเลย เจอเจ้าไหนก็คว้าเลย ช้าไม่ได้หรอกเดี๋ยวน้ำจะขึ้นถึงหน้าอก 555 บางคนว่ายน้ำไม่เป็นด้วยสิ พอซื้อเสร็จก็มุ่งหน้าสู่แก่งกระจานนนนน






















ระหว่างทางแวะซื้อขนมครกชาววังที่ปั๊มน้ำมันตรงวังมะนาวก่อน (หมูตอนบอกว่าขนมครกเจ้านี้อร่อย...จัดไปอย่าให้เสีย) รสชาดก็อร่อยดี แต่เราว่ามันหวามไปนิดนึง ถ้าน้อยกว่านี้จะดีมั๊ก ๆ






















ขับต่อไปก็แวะทานอาหารเช้าที่ร้านเพชรเพิ่มพร อาหารประเภทคนใต้เลยรสจัด ๆ ตอนแรกจะเดินออก แต่มองไปทุกโต๊ะ ทานกันเกลี้ยงเลย สงสัยจะอร่อย จึงเปลี่ยนใจเข้าไปสั่งใหม่ รสชาดก็ไม่ค่อยจะโดนสักเท่าไหร่ แต่ก็ดีกว่าร้านข้าวแกงกัลณิการ์กว่าเป็นไหน ๆ ร้านนั้นประทับใจสุด ๆ จนถึงทุกวันนี้เลย 555





ถึงอช.แก่งกระจาน 10 โมงกว่า ๆ เข้าไปติดต่อขอกุญแจบ้านพัก และจองรถเพื่อไปชมทะเลหมอกตอนเช้า โชคดีมั๊ก ๆที่มาเร็ว เพราะเป็นรถคันสุดท้ายพอดี คนขับชื่ออึ่ง เป็นเจ้าหน้าที่อช.เก่าแต่ลาออกมาเพื่อขับรถรับจ้างแทนเพราะรายได้ดีกว่า จึงตกลงแลกเบอร์กันให้มารับตอนตี่ห้า ที่บ้านพักพรุ่งนี้ และพวกเราก็เข้าบ้านพักเพื่อประกอบภาระกิจที่ทุกคนรอคอย













บ้านพักน่ารักดี สีเขียว มีระเบียงชมวิวของเขื่อนด้านหลัง โรแมนติกดี ข้าง ๆ บ้านเป็นศาลาชมวิว แต่ไม่มีใครมาชมเลย เพราะเค้าจำกัดไว้ ไม่ให้ใครมากางเต้นท์ในที่นี้ได้ จึงกลายเป็นที่พักส่วนตัวจริง ๆ แต่รอบ ๆ เขื่อนสิ เต้นท์กางกันให้บึมเลย แทบจะเกยกัน ฮ้อนบอกว่าใครจะทำอะไรกันเนี่ยเต้นท์ข้าง ๆ ได้ยินเลย แหมช่างคิดได้นะ ใครน้ามันจะทำอย่างนั้น เออ ถ้าเต้นท์ห่าง ๆ กันก็ว่าไปอย่าง 555












เก็บของเสร็จก็ช่วยกันล้างอาหารทะเล ที่ขนซื้อกันมา (ตอนแรกหนุ่ย บอกว่าสงสัยจะไม่พอ เพราะว่าเวลากินเยอะมาก ๆ กินตั้งแต่เที่ยงไม่มีเวลาจำกัดสงสัยจะไม่อิ่มแน่ ๆ เลย...ว้า เบียร์ก็เพียบ... SPY ก็เยอะสงสัยกับแกล้มจะน้อยไปแล้วเซ็งเป็ด...หนุ่ยบอกนะ อันนี้หนุ่ยบอก)












ปล่อยสาว ๆ ย่างอาหารกันไปก่อน เรากับฮ้อนออกไปซื้อข้าวสวย และฮ้อนอยากกินต้มยำ จึงขับออกไปที่ตลาด ซื้อเครื่องต้มยำ ,ส้มตำ,ข้าวสวย,ข้าวเหนียว,ข้าวโพด พอกับมาอาหารก็สุกพร้อมทานแล้ว ลงมือเลยสิ ไม่ รอช้าแล้ว (คราวนี้แม่หมวยแก้ตัวเรื่องน้ำจิ้มซีฟู้ดใหม่ เอามาเยอะกว่าครั้งที่แล้วอร่อยฝีมือยังไม่ตกนะเนี่ยแม่ใครก็ไม่รู้)   .....ติ๊ก + พี่ผ่อง กิน SPY เรากับหนุ่ย กินเบียร์กระป๋อง ส่วนฮ้อน+โป้ง กินแป็ปซี่ แข่งกันว่าใครจะกินได้มากกว่ากันสนุกดี แต่ที่ไม่สนุกก็คือไม่ได้เอาที่เปิดขวดมาด้วยเนี่ยสิ เปิดยากมาก ๆ กว่าจะได้แต่ละขวด ก็ดูผู้ชาย 2 คนสิเล่นกินแป๊ปซี่ แล้วแบบเนี้ยจะเปิดคล่องเหมือนมืออาชีพได้งัย แต่ฮ้อนกับโป้งก็ทำจนได้ ถ้าเป็นเราป่านเนี้ยคงได้แต่นั่งมองไปแล้วหละ












เห็นก้อนดำ ๆ ข้าง ๆ ข้าวโพดป่ะ มันคือฟักทอง (นิโกร) ไอ้ฮ้อนเห็นในรายการตลาดสดสนามเป้าเลยซื้อมาทำบ้าง แต่ใจร้อนย่างไฟแรง ๆ แค่ครึ่งชั่วโมงดำสนิท ในทีวีเค้าย่างกันตั้ง 3 ชั่วโมง มันจึงน่ากลัว ถ้าย่างไฟอ่อน ๆ เหมือนกับเค้ามันคงจะอร่อยแน่นอน











หลังจากบรรจุอาหารลงในกระเพาะจนเต็มแล้ว หนังท้องตึง หนังตาก็หย่อน จึงพร้อมใจกันมานอนพักเอาแรง เพื่อรอให้แดดร่มลมตดก่อน ค่อยไปเดินเล่นสะพานแขวน










ห้าโมงกว่า ๆ พระอาทิตย์ใกล้จะตกแล้ว เดี๋ยวมืดตุ๊กติ๊กเรียกให้ไปถ่ายรูปที่สะพานแขวน ก่อนไปดาราหน้ากล้องเจ้าประจำขอถ่ายรูปตรงระเบียงก่อนไป รูปแรก....วันนี้ไม่ขายส้มตำเหรอ...อ้าวมองในย้อนแสงเหมือนน้อยโพธิ์งามเลย 555...... ปล.รูปที่ 2 สวยหว่ะ (แก้ตัวใหม่)


ที่สะพานแขวนคนเยอะมาก กางเต้นท์กันเยอะแยะ (ล้นมาจาก ตรงที่ทำการ)  เราหยอดเงินใส่ตู้ซื้ออาหารปลาไป แต่ไม่ได้ให้เพราะว่าลอยเต็มเขื่อนเลย คนก็เยอะ จึงไม่ได้เดินเล่นที่สะพาน ถ่ายตรงหัว
สะพานเอา แบบว่าคนเยอะมาก กลัวสะพานขาด 555












กลับมาที่พัก พระอาทิตย์ตกไปแล้ว เสียดาย จึงได้เก็บภาพมาแค่นี้












อาหารเย็นอีกแล้ว ..... เร็วง่ะ (ของเก่ายังไม่ย่อยเลย) มื้อเย็น ทำต้มยำกุ้ง,ปลาหมึกทาน โอ้โห...ผู้กำกับเพียบเลย ผู้หญิงทั้งนั้น สั่งให้ตัวแสดงชาย (เจ้าโป้ง) เป็นคนทำต้มยำ น้ำเดือดใส่เครื่องต้มยำสิ....ใส่เห็ดนางฟ้าสิ... ใส่กุ้ง... ใส่ปลาหมึกดิ๊ กุ้งนะแกะเปลือกเอาขี้ออกด้วย ใส่น้ำปลาดิ๊ สุดท้ายใส่มะนาว เอ้าคน ชิม... อื้อหือ..รสชาดไม่ไปไหนเลย น้ำปลาไม่พอ เกลือก็ไม่มี พี่ไพ่ผ่อง กับติ๊กเข็ด เดินไปขอเกลือที่บ้านพักเจ้าหน้าที่ (ตอนขากลับจากเดินเล่นสะพานแขวน เจ้าหน้าที่เดินคุยกันมาอยากบอกว่า ต้องการความช่วยเหลืออะไรให้มาที่บ้านได้ มีลูกสาวอยู่ ดูหนังได้ด้วยนะ) เสนอมาก็สนองทันที 555 จึงได้เกลือมาช่วยให้ต้มยำหม้อนี้มีรสชาติขึ้นมาทันที และใช้น้ำจิ้มของแม่หมวยช่วยอีกแรงจึงโอเค อร่อยกว่าร้านอาหารบางร้านเสียอีก 555
ทานกันไป มองนาฬิกากันไป โทรทัศน์ก็ไม่มีให้ดู (เปิดทีวีของไอโมบายของเราสัญญานก็ไม่ค่อยมี) ทำงัยหล่ะ วันนี้วันพ่อด้วยต้องจุดเทียนชัยและร้องเพลงสดุดีด้วย หนุ่ยจึงโทร.หาแม่ บอกว่าถ้าจุดเทียนแล้ว ให้รีบโทร.มาบอกด้วยจะจุดพร้อมกัน ...........












ท่อนนี้...ปากจู๋ทุกคนเลย555
เงียบกริ๊บ... ไม่มีเสียงโทร.จากแม่ซะที ทุ่มจะครึ่งแล้ว ทำไมยังไม่โทร.มาอีกนะ จึงออกมาที่ระเบียงลองเปิดทีวีทางมือถือดู ตายแล้ว.... เพลงสรรเสริญร้องแล้ว รีบจุดเทียนชัย 9 ดอก และร้องเพลงสดุดี ด้วยกัน (ครั้งแรกในชีวิต ที่ได้ยินเสียงของฮ้อนกับโป้งร้องเพลง ไม่น่าเชื่อเลยว่า 2 คนนี้ร้องเพลงเป็นด้วย เป็นบุญหูของพวกเราจริง ๆ) ร้องเพลงเสร็จขอให้ในหลวงของเราทรงพระเจริญ และหายจากพระประชวรโดยเร็ว และอยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของปวงชนชาวไทยตลอดชั่วกาลนานเทอญ

แยกย้ายกันอาบน้ำ เข้านอน เพราะพรุ่งนี้ตีห้า รถเช่าจะมารับเพื่อไปดูทะเลหมอกกัน ราตรีสวัสดิ์...
ยัง..ยัง คืนนี้ยังไม่จบ ไอ้ฮ้อนโรคทางเดินหายใจกำเริบ จึงออกไปนอนข้างนอก ตอนตี 1 กว่า ๆ ตุ๊กติ๊กลุกเข้าห้องน้ำ ได้ยินเสียงไอของไอ้ฮ้อน  นึกว่ามันอยู่ในห้องอาบน้ำ จึงเปิดประตูเข้ามาโวยวายใหญ่ ว่าไอ้ฮ้อนมันเป็นอะไรไม่รู้ มันนอนในห้องอาบน้ำนานแล้ว ฉันเข้าห้องน้ำ 2 รอบก็ได้ยินเสียงมัน เราตกใจรีบลุกไปดูนึกว่ามันเป็นอะไรในห้องน้ำ เอะ...มันก็นอนที่โต๊ะไม้ตรงครัว ไม่เห็นจะนอนในห้องน้ำเลย แม่เจ้าประคุณรุนช่อง...แค่ชะโงกหน้าไปดูก็เห็นมันนอนแล้ว เล่นซะตื่นกันหมดเลยยยย

ตีสามครึ่ง พี่ไพ่ผ่องตื่นมาอุ่นหมูปิ้ง กับนึ่งข้าวเหนียว เพื่อนำติดตัวไปทานบนเขาพะเนินทุ่ง ทุกคนพร้อมหมด (ไม่อาบน้ำหรอก ไม่ทัน) ยกเว้นฮ้อน ไม่ไปจึงให้มานอนในห้อง และว่างก็เก็บข้าวของไปพลาง ๆ ตอนตื่น ตีห้าตรง อึ่งมารับตรงเวลา เราขึ้นรถตรงไปสามยอด ด่านแรกก่อน ใช้เวลาประมาณ 50 นาที อึ่งบอกว่า เดี๋ยวช่วงบน ต้องไปนั่งกะบะหลังเพื่อถ่วงท้ายด้วย ดีนะที่เรากับหนุ่ยเตรียมนำไอ้โม่งมาด้วย
พอรถมาถึงบ้านกร่าง สักพักรถติดแล้วครับบบบ  เรา , หนุ่ย,โป้ง จึงไปนั่งหลังแทน อากาศไม่หนาว แค่เย็นสบาย ๆ






















เกือบ 7 โมงครึ่งถึงเขาพะเนินทุ่ง จุดชมวิว กม.30  คนเยอะมาก ๆ ทะเลหมอกก็เยอะดี (มากกว่าหลาย ๆ ที่ในภาคเหนือเสียอีก)





ถ่ายรูปกันได้สักพัก ก็มานั่งทานข้าวเหนียวหมูปิ้งและกุ้งรวนเค็มกัน อร่อยดี (ข้างบนมีมาม่าต้ม ,กาแฟขายด้วยแต่ไม่ได้กินเงินเราหรอกเพราะว่าเราเอาอาหารขึ้นมาเอง 555)



กินเสร็จก็มาถ่ายรูปกันอีก แปลกจัง....เช้าแล้ว ค้างคาวยังไม่กลับรังอีกเหรอ ดูดิ๊ ถ่ายตรงไหน ค้างคาวแม่งบินอยู่ด้านหลังอยู่ได้ ไอ้สาดดดดด  


ค้างคาวบินไปแล้ว .......ยังไม่หมด มีกระสืออีกแหนะ 555

หลังจากถ่ายรูปเสร็จตอนแรกจะไปจุดชมวิว กม.33 และ 36 เค้าว่าสวย และใกล้ชิดกว่าจุดนี้อีก แต่ว่ารถเยอะและนักท่องเที่ยวเยอะเหมือนหนอน กลัวไม่มีที่จอดรถถ้าขับไป จึงไม่ไป และนั่งรอเวลา 9 โมงเพื่อจะลงเขาเนื่องจากต้องเช็คเอาท์ ตอนเที่ยงด้วย


รอ รอ รอ แล้วก็รอ 9 โมงแล้วรถที่มาจากข้างล่างยังขึ้นมาไม่หมดเลย ได้เวลาลงแล้ว (รถขึ้น-ลงได้ทางเดียวสวนกันไม่ได้ต้องขึ้นลงเป็นเวลา) พอ 9 โมงกว่า ๆ รถเริ่มลงกันแล้ว คนขับรถเรา ยังนั่งเฉยอยู่เลย ใจเย็นโครต ๆ นั่งอยู่ได้ เลยให้โป้ง กับพี่ผ่องไปเร่ง หายไปกัน 2 คน เราเลยไปตาม เนี่ยเค้าลงกันแล้วนะ ต้องคืนห้องด้วย เค้าถึงยอมลง เวร..... ไม่เรียกก็ไม่ลง (ผ่านจุดไหน จอดทักเจ้าหน้าที่ทุกจุดเลย ...เวรอีก...ตอนแรกก็คิดว่าโชคดี แต่ตอนหลังคิดว่าโชคร้ายแล้วหละ) ถึงบ้านพัก 11โมง 45 นาที ฮ้อนน่ารักมาก เก็บข้าวของเสร็จแล้ว เตรียมขึ้นรถได้ เรารีบอาบน้ำ (เป็นประจำเดือน ระทวยจริง ๆ เลย ยังไม่ถึงกำหนดเลยสงสัยจะกินเบียร์และหอยแครงไปกระตุ้น) ส่วนคนอื่น ๆ ไม่อาบเพราะไม่ทัน กลัวนักท่องเที่ยวรอบต่อไปจะรอห้องนาน เป็นคนดีกันมากเลย... บ้านหลังอื่น ไม่เห็นรีบเลย ยังอาบน้ำนุ่งผ้าถุงกันอยู่เลย

ออกมาคืนกุญแจห้องพักที่ทำการ หนุ่ย,ติ๊ก,พี่ผ่อง ซื้อเสื้อคนละตัวเป็นที่ระลึก เพื่อช่วยทำบุญให้กับอุทยานฯ ออกจากแก่งกระจาน ก็แวะทานอาหารที่ร้านอะไรเพชร ๆ เขื่อนเพชร หรือแก่งเพชร จำไม่ได้ คนเต็มร้านเลย บรรยากาศที่ร้านดีมาก ๆ ริมเขื่อนสวยดี อากาศเย็นสบาย  เมนูที่สั่งคือปลาแรดทอดกระเทียมกับน้ำจิ้มขนมหวาน,ไข่เจียวไม่ใส่น้ำปลา,ผัดฉ่าปลากดปรากฏว่าไม่อร่อย,ผัดผักรวมมิตรแต่เป็นศัตรูกับน้ำมันหอย,ยำผักกระเฉดรสชาติไม่จัด,ข้าวสวย 1 โถและสั่งเพิ่มอีก 2 จาน(ขนาดไม่อร่อยนะเนี่ย) พอเรียกเก็บเงิน 620 บาท ร้านลืมคิดข้าวเปล่าอีก 2 จาน ตอนแรกก็อยากจะบอกกับทางร้านแหละ แต่รสชาติอาหารไม่ได้เรื่องเลย จึงไม่บอกหรอกจ่ายเงินแล้วออกเลย 555




















มุ่งหน้ากลับกรุงเทพฯ แวะซื้อลูกตาลสด,น้ำตาลสด กลับบ้านเป็นของฝาก เนื่องจากระหว่างทางไม่มีของฝากอะไรเลย รอคนขายปอกนาน แต่ก็เพลินดี สงสารเค้าเหมือนกันปอกให้เราไม่หยุดมือเลยเมื่อยแทนและเสียวมีดบาดด้วย พวกเราเล่นซื้อกันตั้ง 9 ถุง (3 ถุงร้อย)

ขากลับพวกเพื่อน ๆ ในรถอิจฉาเรากันใหญ่ (คนทำบุญมาดีก็งี้แหละ) ที่มีสามีดี รู้ไปทุกเรื่อง เล่าเรื่องได้หมด ความรู้เยอะแยะเลย พูดไม่หยุดเลย พูดอะไรไปคนข้างหลังมองหน้ากัน แล้วอมยิ้มกันใหญ่ หือ....อิจฉากันแล้ว อิจฉากันอีก ถ้าไม่มีบุญจริง ๆ ไม่มีทางได้นะเนี่ย 555

ส่งติ๊กเข็ด และพี่ไพ่ผ่องกลับบ้าน มีเงินเหลือคืน คนละ 320 บาท และส่งโป้งที่ป้ายรถเมล์หน้าบ้านเนื่องจากวันนี้ที่มาสเตอร์วูด ทำงาน จึงต้องนั่งรถไประยองเอง น่าสงสารจัง ต้องนั่งรถไฟฟ้าไปอนุสาวรีย์ชัยฯ และต่อรถตู้ไป (เห็นจะจริงอย่างที่หมอลักษณ์บอกจริง ๆ ว่าช่วงนี้ราศีธนูดวงไม่ดี โป้งโดนไปเต็ม ๆ แถมยังไม่มีบ้านอยู่อีก งานเข้า .....งานเข้ากรูเนี่ยแหละ555)

ส่วนหนุ่ยแวะที่บ้านเราก่อน เพื่อมาดูหน้าหลาน (ไอ้บุญธรรม) และเอาเต้นท์,ขาตั้งกล้องไปให้หมู กับพี่จืด เพราะพรุ่งนี้ 3 คน พ่อแม่ลูกจะไปเที่ยวเหนือกัน อิจฉาจริงพวกรัฐวิสาหกิจ ลาต่อเนื่องได้เป็นอาทิตย์
ส่งหนุ่ยกลับบ้านเสร็จ ไอ้ฮ้อนไม่สบายขึ้นมาอีก เฮ่อ..เวรกรรมวันนี้ยังพูดแจ๋ว ๆ พอถึงบ้านปุ๊บจะตายปั๊บเลย ร่ายกายมันแย่มาก สงสัยต่อไปนี้คงไม่ได้นั่งรถไปเที่ยวไกล ๆ เหมือนเมื่อก่อนแล้วตราบใดที่มันยังทำงานอยู่ที่นี่แย่จัง..... หรือว่าฟ้าลิขิตมาให้เราต้องนั่งเครื่องบินไปเที่ยวแล้วหละมั๊ง ไม่ต้องไปหวังพึ่งไฮ้ฮ้อนขับรถให้ 555 ทริปหน้าหลังปีใหม่จะมาเล่าให้ฟังว่านั่งเครื่องบินครั้งแรกในชีวิตเป็นอย่างไรพบกันทริปหน้า เชียงราย-เชียงใหม่ 10-12 มค.53 จ้า บ๊ายบาย จุ๊บ ๆ

ค่าใช้จ่าย บ้านพัก 1200บาท, กุ้งหัวโต 1 โล 120บาท,ปู 2 โล 375บาท,หอยแครง 1 โล 40บาท,กุ้งสะดุ้ง ไม่รู้กี่โล 300บาท(ซื้อมากกว่าครั้งแล้วมิน่าหละกินจนจะอ๊วกอยู่แล้วยังเหลือบึมเลย) ปลาหมึก 180บาท,ลอดช่อง 35บาท,ขนมครก 20บาท,ข้าวแกงเพชรเพิ่มพร 220บาท,น้ำแข็ง+แป๊ปซี่ 85บาท,เครื่องต้มยำ 40บาท,ข้าวสวย 30บาท,ส้มตำ+ข้าวเหนียว 90บาท,ข้าวโพด 20บาท,ค่าเข้าอช.270บาท,อาหารปลา 20บาท (ไม่ได้ให้ด้วย) โออิชิ 50 บาท,ค่าเช่ารถ 1600บาท,อาหารริมเขื่อนแสนอร่อย 620บาท น้ำมันรถ 580 รวม 5895บาท หาร 5 คน คนละ 1179 บาท