วันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2552

ไหว้พระ 9 วัดรอบเกาะเกร็ด พ่วงแจกหนังสือสวดมนต์

ครอบครัวของเราและเพื่อน ๆ ได้ร่วมกันพิมพ์หนังสือสวดมนต์แจก เป็นธรรมทาน รวมกันได้ 7 ร้อยกว่าเล่ม และแยกย้ายกันไปแจกจ่ายกันแล้ว เหลืออยู่ที่บ้านเรา 200 กว่าเล่ม จึงคิดว่าต้องไปหาวัดแจกแล้วหละ ก็ในเมื่อเค้าแจกกันจะหมดแล้วนิ เราก็เข้าเวปประจำของเรา คือเทคกิ้งไทย มีคนเค้า post ล่องเรือไหว้พระ 9 วัด ที่เกาะเกร็ด (ฟรี) ..... โดนเลย ได้โอกาสไปแจกหนังสือ และเดินเที่ยวเกาะเกร็ดด้วย และที่สำคัญฟรีเนี่ยของชอบ จึงตกลงชวนหนุ่ยป๊อดไปที่นี่กัน.....เย้...ได้แจกหนังสือสวดมนต์แล้ว

ก่อนวันไป 2 วัน หนุ่ยป๊อด mail มาเล่าเรื่องความฝันของเจ้าโป้ง ให้ฟังโป้งฝันว่า เรานัดกันตอน 7 โมง แต่โป้งมาไม่ทัน จึงนั่งรถตามไปที่หลัง พอไปถึงวัด เจอรถฮ้อนถูกชนท้ายยับ (เวร... ฝันตอนไหนไม่ฝัน ดันมาฝันก่อนวันจะไป) งานเข้าหละทีนี้ เครียดไปพักหนึ่ง แล้วก็ถามว่าโป้งมันคิดถึงวันไปวัดมากไป หรือเปล่า และมาผสมผสาน กับที่ไอ้ฮ้อนเพิ่งจะโดนชนท้ายมาไม่นาน หนุ่ยก็ถามว่าเอายังงัย ...เราก็บอกว่าไม่มีอะไรมั๊งไม่อยากเลื่อนอีก เพราะเลื่อนมาแล้วเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว และเราก็เข้า google พิมพ์คำทำนายฝันดู โอ้ววว แม่เจ้า เป็นฝันดีนะ ฝันเห็นว่ารถยนต์ถูกชนท้ายพัง ท่านว่าจะมีชื่อเสียงเกียรติยศแผ่ไปทั่วไกล ตัวเลขนำโชค ได้แก่ 20 , 813 , 400 , 539 , 44 สีนำโชค ได้แก่ สีเทา ...และอีกคำทำนาย แปลว่าจะพบคู่ถูกใจ เลยบอกหนุ่ยป๊อด สงสัยโป้งจะไปเจอเนื้อคู่ที่ถูกใจ แล้วหละ สงสัยหนุ่ยจะไม่ช่ายคู่ที่ถูกใจ นังหนุ่ยป๊อดตอบกลับมาว่า แต่รถที่ถูกชนนะ เป็นรถฮ้อนนะ แป๊ววว.....งานเข้าแล้วกู 555

7 โมงเช้า ไปรอหนุ่ยที่ปั๊ม ปตท. (ฮ้อนทำงานครึ่งคืน เลิกตี 2 ลืมบอกไปว่าตอนนี้ฮ้อนเปลี่ยนชื่อเป็น Batman แล้วนะ เพราะมันทำงานตอนกลางคืน นอนตอนกลางวัน ...โครตเซ็งเลย จะไปเที่ยวแต่ละที ลำบากยากเย็น เลิกพูดดีกว่า เดี๋ยวเครียด) นังหนุ่ยมาช้าไป 10 นาที และออกเดินทางมุ่งหน้าสู่วัดใหญ่สว่างอารมณ์ รถไม่ติดเลยขับไปแป๊ปเดียว ถึงวัดใหญ่ฯ แล้ว วัดใหญ่สมชื่อจริง ๆ คนมาทำบุญกันเยอะ (วันนี้เป็นวันพระ 27 กันยายน 2552) มาถึงก็ลงทะเบียนก่อนเลย และเริ่มนับวัดที่ 1 คือวัดใหญ่สว่างอารมณ์ เข้าไปไหว้พระ และถวายหนังสือสวดมนต์ ต่อจากนั้น ก็เดินเล่น รอบ ๆ วัด หนุ่ยป๊อดซื้อทับทิม ไปฝากคุณแม่ 2 ลูก และพวกเราก็ซื้อขนมปังเลี้ยงปลากันหน้าวัด ส่วน Batman น่ารักมากกก.... แอบกินไส้กรอกคนเดียว ผัวรัก... ไม่รู้ว่ากูหลับหู หลับตาเลือกแม่งมาได้ยังงัยเนี่ย











เวลาเหลืออีก เราจึงสั่งข้าวต้มมากินรองท้องกัน ชามละ 20 บาท รสชาติก็พอกินได้ (ตอนแรกหนุ่ยบอกชามละ 10 บาทด้วยซ้ำ แบบว่าเงินมันใหญ่นะ) และเราได้สั่งน้ำโอเลี้ยงมากิน พอกินเสร็จเดินไปจ่ายตังค์ เราตั้งใจจะทิ้งน้ำโอเลี้ยงไว้ที่โต๊ะ (เพราะว่ามันอร่อยจัด) พอเดินออกมา อีหนุ่ยส่งน้ำให้เรา ดันบอกว่าเราลืมไว้ที่โต๊ะ..... ไอ้สาดด กรูกะว่าจะทิ้งเลยแบบทำเนียนนะ แหม...หวังดีจริง จริ๊ง .......








ใกล้ 9 โมงเท่าไหร่ นักท่องเที่ยวยิ่งเยอะง่ะ มากันเป็นคันรถทัวร์ หลายร้อยคนแล้ว พวกเราเดินไปตรงเจ้าหน้าที่ ที่เฝ้าประตูท่าเทียบเรือ และถามว่า พอ 9 โมง เจ้าหน้าที่จะเรียกชื่อลงเรือใช่ไหม (เพราะว่าลงชื่อแล้ว) เจ้าหน้าที่บอกว่าเปล่า ลงก่อนไปก่อน เราก็บอกว่า งั้น 9 โมงปุ๊ป ก็กรู แย่งกันลงเลยใช่ม๊ะ (เตรียมตัวจะกรู แล้วเนี่ย) เจ้าหน้าที่ตกใจ รีบโบกมือ เลย ไม่ใช่ ๆ เราให้เข้าแถว และเรือสามารถบรรทุกน้ำหนักได้ตามที่ความสามารถของเรือนะ และเรือมีเยอะมาก ไม่ต้องกลัวหรอก เรือมากกว่าคนแล้วกัน แหม ก็เราเห็นเรือจอดแค่ 2 ลำเองนี่หน่า ที่ไหนได้มีอีกเยอะ



พอ 9 โมง รีบเลยรีบเข้าแถวก่อนเลย และเราก็ได้ไปเป็นลำแรก แต่ที่นั่งเหลือแค่ข้างหน้า เพียง 2 ที่ (มันลึก คนไม่เดินเข้าไป) เรากับหนุ่ยเลยรีบเดินไปนั่ง ส่วนเจ้าโป้ง ก้บ Batman ไม่มีที่นั่งเลยนั่งแถวหน้า (ตรงลำโพงมั๊ง หันหน้าเข้าหาคน แบบย้อนศรนะ ตาต่อตาประสานกับนักท่องเที่ยว สงสัยงานนี้ทั้ง 2 คน จะเจอเนื้อคู่ที่ถูกใจซะแล้ว 555)





เรือท่องเที่ยวทุกลำจะมีมัคคุเทศน์น้อย เป็นเด็กนักเรียน แถวนั้นแหละ คอยให้ความรู้ และเป็นไกด์บอกถึงประวัติ วัดต่าง ๆ ที่จะไป และสถานที่น่าสนใจที่เรือแล่นผ่าน น่ารักดี แบบว่าของฟรี อะไร ๆ ก็ดีไปหมด ถึงแล้ว วัดที่ 2 วัดเสาธงทอง ไหว้พระเสร็จ ก็ถวายหนังสือสวดมนต์กับพระสงฆ์ เรียบร้อย ก็ออกมาจากวัด ซื้อล็อตเตอร์รี่ คนละคู่ แปลกจัง ถามเลขอะไร มีหมดเลยง่ะ เลขอะไรไม่บอก เดี๋ยวเลขเคลื่อน .....และเราก็ได้พบเจอกับต้นไม้ ไม่แน่ใจว่าเป็นต้นตะเคียน หรือต้นยาง หนุ่ยไม่รั้งรอ (เหมือนจะรู้พกแป้งกระป๋องมาด้วย) ขูด ๆๆๆๆ ช่วยกันใหญ่ ได้เลขอะไรแล้วบอกด้วยนะ 555







ออกจากวัดเสาธงทอง ก็เดินตามทางไป เรื่อย ๆ สวยดีง่ะ มีร้านค้าขายของ น่ารัก กระจุ๊ก กระจิ๊ก ทั้งสองข้างทาง เต็มไปหมด เสียดายไม่ได้นำกล้องตัวใหญ่ไปด้วยเพราะกลัวฝนตก และต้องแบกของเยอะแยะ กลัวไม่สะดวกแต่ถ่ายออกมาแล้ว เหมือนกันแหละ ทุเรศเหมือนกัน เพราะว่ายังไม่ได้ไปเรียนถ่ายรูปเลย ฮิๆๆๆ

ทุก ๆ คนที่มาเกาะเกร็ด ต้องนี่เลยทอดมันหน่อกะลา และดอกไม้ชุปแป้งทอด มีขายหลายร้านมาก ๆ.... จัดไปอย่างให้เสีย กระทงละ 20 บาท ล้นกระทงเลย รสชาติต้องลงมาชิมดูเอง บอกหมดก็ไม่หนุกหนานดิ๊















ต่อด้วยขนมถ้วย 1 ถาด 20 บาท มี 8 ถ้วย ไปกัน 4 คน แบ่งกันพอดีเป๊ะ ดูว่าน่ากินแค่ ไหน ไม่ถึงนาที ก็เป็นแบบนี้แล้ว 555






ผ่านร้านขายเสื้อ โดน .....โดนไปคนละตัว กับนังหนุ่ย ตัวละ 120 บาท ซื้อ 2 ตัว ลดให้เหลือ 110 บาท ทริปหน้าจะใส่และนำมาลงให้ดูนะ ติดไว้ก่อน อยากรู้ว่าสวยแค่ไหน ใบ้นิดหนึ่งว่า 1 ใน 2 ตัว แขวนอยู่ในรูปด้วยแหละ (ลองทายเล่น ๆ ดูก็ได้)






ร้านค้าระหว่างทาง สวย ๆ ทั้งนั้น อยากให้มาเดินกันจริง ๆ ไม่ค่อยร้อนหรอก เพราะมีหลังคาระหว่างทางเดิน













สบายมาก ๆ สำหรับคนที่กลัวแดด












ระหว่างทางเดินเพลิน ๆ มาเรื่อย ๆ จนมาถึงร้านขายน้ำยาสกรีน แวะดูและแล้วซื้อกลับมา 1 ขวด (ไว้สกรีนเสื้อรูปไปเที่ยวของพวกเรา) ลุงเจ้าของร้านใจดี สาธิตวิธีทำให้ดู และแถมภาพให้ 2 รูป ส่วนพวกเราได้คืบจะเอาศอก ขอพู่กันลุงมาอีก 1 ด้าม เรียกว่างานนี้ลูกอีกช่างขอจริง ๆ

วัดที่ 3 วัดไผ่ล้อม เข้าไปไหว้พระ และถวายหนังสือกับพระ เรียบร้อย ก็เดินทางไปวัดต่อไป แต่ระหว่างทางมีร้านมากมาย เกินคำบรรยาย ขนมน่ากิน ๆ ทั้งนั้น






ผ่านร้านอาหารเยอะแยะ แต่ไม่ได้แวะทาน และผ่านร้านขายปลา เห็นปลาทับทิมน่ากินมาก ๆ เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปไว้ ตัวละ 80 บาท ไม่แพงเลยตัวใหญ่มาก จะซื้อทานแล้วแต่ร้านค้าอยู่ฝั่งขวามือไม่ได้ติดแม่น้ำ ก็เราอยากนั่งร้านที่ติดแม่น้ำหนิ จะได้เสพความสุข ให้เต็มที่ ทั้งอาหารและบรรยากาศ 555 เลยเดินผ่านไป



ใครเมื่อย.... ใครเหนื่อย... ไม่อยากเดิน .... จะถอยรถไปขับเล่นซักคันสองคันก็ได้นะ


เราซื้อกระถางจากร้านนี้ เอาไว้ปลูกต้นพูด่าง ราคาไม่แพงเลย 3 กระถาง 50 บาทเท่านั้นเอง
ระหว่างทางเดินเริ่มหิวนิด ๆ ก็คิดกันว่า ทำไมไม่หาอะไรกิน เลยมองหาร้านไปเรื่อย ๆ มาเจอกับร้านนี้พอดี เอาก็เอาว๊ะ ลองดูแล้วกัน ไม่รู้ว่าจะอร่อยหรือเปล่า
เข้าไปก็หามุมนั่งแบบโต๊ะญี่ปุ่น ริม ๆ แม่น้ำ บรรยากาศสุดยอด น่านอนเป็นที่สุด


เราสั่งขนมจีนน้ำเงี้ยว ส้มตำปู ของโป้งกระเพราหมูกรอบราดข้าว ของหนุ่ยป๊อด คะน้าหมูกรอบราดข้าว และพวกเราก็ลงมติกันให้ไอ้ฮ้อนเดินกลับไปซื้อปลาทับทิม เอาตัวเมื่อกี้นี้เลยนะ มานั่งกินที่นี่ ส่วนฮ้อนสั่งข้าวอะไรจำไม่ได้ ไม่ได้ยิน (เจ๋งป๊ะ จำของคนอื่นได้หมด ยกเว้นผัวตัวเอง 555) รสชาติอาหารของแต่ละคน สุด ๆ ไปเลย ไม่ค่อยจะอาหยอยเท่าไหร่ ดีนะที่มีปลามาช่วย ไม่งั้น เซ็งเป็ดเลย 555

วัดที่ 4 วัดปรมัยยิกาวาส (หรือวัดเจดีย์เอียง) วัดนี้สวยดี ในโบสถ์ก็งดงาม แถมถ้าใครมาที่เกาะเกร็ดจะต้องเห็น เจดีย์เอียง ถือเป็นสัญลักษณ์ของเกาะเกร็ดไปแล้ว ไม่ได้ถ่ายรูปถือว่าไม่ได้มาแน่นอน ระหว่างทางที่จะเดินไปลงเรือที่ท่าน้ำ มีอยู่ร้านหนึ่งแปะป้ายไว้ที่หน้าร้าน ห้ามถ่ายรูป ไม่ชอบเลย หลาย ๆ ร้านที่ผ่านมาไม่เห็นเขียนเลย ทำไมเหรอ ถ่ายแล้วสีมันจะจึดเหรอ บ้าจริง ๆ โง่หรือเปล่า การถ่ายรูป ถือเป็นการโฆษณาฟรี ๆ ที่ไม่ต้องเสียเงินนะ สรุปว่าร้านนั้นขายอะไรก็ไม่รู้ เลยไม่ได้มอง เห็นป้ายแล้วก็ไม่คิดจะเดินเข้าไป และให้ฟรียังไม่อยากได้เลย














เรามาต่อคิวตรงศาลาท่าเรือ พอเรือมาลำแรก ไม่ได้ไปน้ำหนักเต็ม เราก็นั่งรอรอบต่อไป .... แต่รอนานเหมือนกัน แต่จะโทษใครไม่ได้หรอกต้องโทษตัวเอง เพราะมัวแต่หลงระเริง เพลิดเพลิน จนนักท่องเที่ยว สะสมมาก ๆ ขึ้นจึงต้องทำใจ รอ รอ รออออ.....

พอเรือมาก็ต่อคิวเพื่อจะลงเรือ เรากับหนุ่ยป๊อดยังคุยกันเลย ถ้าพอถึงคิวเรา แล้วตัดระหว่างเรา 4 คนจะทำอย่างไร แหม.....พูดไม่ทันขาดคำ โป้งกับหนุ่ยได้ไป แต่เจ้าหน้าที่สั่งเบรคตรงเรากับฮ้อนพอดีเลย......แม่นชิปเป้ง.... โป้งเดินลงไปแล้ว พวกเราจึงตะโกนเรียกโป้งกลับขึ้นมาต่อ และกะว่าจะให้คนข้างหลังไปแทน แต่ยังงัยไม่รู้ เจ้าหน้าที่ข้างล่างนับใหม่ตะโกนขึ้นมาว่ายังไปได้อีก 5 คน เย้.....พวกเราเลยได้ไปพร้อมกันเฮ้อ...โชคดีสุด ๆ ไม่งั้นต้องรออีกนานแน่ ๆ


วัดที่ 5 วัดฉิมพลีสุทธาวาส มัคคุเทศน์น้อย เล่าประวัติวัดนี้ว่า ได้ขุดเจอต้นตะเคียนและนำขึ้นมาไว้ที่วัด ซึ่งศักดิ์สิทธิ์มาก ๆ (ให้หวยแม่นซะด้วย) หลังจากไหว้พระและถวายหนังสือแล้ว ก็ไม่พลาด ขูด ขูด ขูด แล้วก็ขูด ......


ไม่เห็นเลขอะไร จึงซื้อไอติมกินกันคนละแท่งดีฝ่า 555


วัดที่ 6 วัดกลางเกร็ด วัดนี้ในโบสถ์จะมีพระนอนองค์ใหญ่มาก สวยดี หลังจากไหว้พระเสร็จ ก็ถวายหนังสือ และออกมาทำบุญไถ่ชีวิตโค-กะบือ (สะกดถูกมั๊ยเนี่ย) ด้วยแหละ เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปมา (ลืม)


วัดที่ 7 วัดเชิงเลน วัดนี้เข้าไป งง งง พระยังไม่ให้ซื้อดอกไม้-ธูปเทียน แต่ให้เข้าไปที่โบสถ์ก่อน พอเราเข้าไป ก็ถึงบางอ้อ... อุ๊ยถึงเกาะเกร็ดสิ 555 ในโบสถ์จะมีพระเทศน์ เร็วมาก เชิญชวนให้ทำบุญซื้อที่ดินถวายวัด และจะมีกระดาษ(โฉนด) ให้เขียนชื่อ กันทุกคน ตารางวาละ 1 บาท ขั้นต่ำ 20 บาท แต่ถ้า 100 บาท จะแถมพระ 1 องค์ พวกเราก็เลยทำบุญซื้อที่ คนละ 20 บาท (ได้มาคนละ 20 ตรว. นำมาต่อรวมกันได้ 80 ตรว. พอแล้วหละ สำหรับ 4 คน สาธุ.....) แล้วพวกเราก็ถวายหนังสือกับพระเลย พระท่านโฆษณาและจะแจกให้ (ตอนหลังเราไปขอแลกแบงค์ย่อยกับพระท่าน เห็นพระนำหนังสือของพวกเรา แนบกับโฉนดเรียกว่ามี 100 เล่มก็ไม่พอว่างั้นเถอะ )

หลังจากไหว้พระเสร็จก็จะนั่งเรือไปวัดต่อไป วัดนี้เจ๋งนะ .....ต้องมีบัตรคิวถึงจะขึ้นเรือได้ ทั้ง 9 วัด มีวัดนี้วัดเดียวที่มีบัตรคิว ดีนะ ...ใครมาก่อนได้ไปก่อน พระท่านบอกว่านับจำนวนนักท่องเที่ยวไม่ทัน จึงออกบัตรคิวซะเลย จะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำหนักเกิน ดีง่ะ (เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปอีกแล้ว)


วัดที่ 8 วัดท่าอิฐ ก่อนที่เรือจะเทียบท่า เรากับหนุ่ย มองเห็นก๋วยเตี๋ยวเรือจอดอยู่ จึงบอกว่าน่ากินเน้อ....เดี๋ยวเรากินก๋วยเตี๋ยวเรือกัน พอดีมีป้า ข้าง ๆ ได้ยินจึงบอกว่า เดี๋ยววัดที่ 9 ก็มี มีตลาดน้ำให้เที่ยวด้วย ไปกินวัดสุดท้ายก็ได้ พวกเราก็บอกว่าไม่เป็นไร ลองกินมันทั้ง 2 วัดเลย 555 แบบว่าตะกละนะ เอิ้ก ๆๆ ตอนเดินผ่านเรือก๋วยเตี๋ยว มองกันใหญ่ กรู จะกินมึง ....กรู จะกินมึง
วัดที่ 6-8 ดีจังมีแจกน้ำดื่มด้วย เราไหว้พระ และถวายหนังสือกับพระ พอพระได้รับ ก็ประกาศออกไมค์ฯ ทันที่ ว่าอานิสงฆ์ของการแจกหนังสือเป็นอย่างไร และมีคาถาชินบัญชร ฯลฯ และเรียกให้คนมารับ ตอนแรกไม่มีใครเดินไปรับแจก แต่พอมีผู้ชายคนหนึ่งเดินไป ทีนี้กรูกันเข้าไปเลย พระจึงมองมาทางพวกเรา และพูดออกไมค์ว่า โยม....ในกระเป๋ายังมีติดกระเป๋าอีกหรือเปล่า ขายดีมาก ๆ มีเท่าไหร่เอามาได้อีกนะ.... Happy สุด ๆ เห็นผลทันตาเลย


หลังจากทำบุญเสร็จ ก็แน่หละ มาตามสัญญา สั่งก๋วยเตี๋ยวมาคนละชาม ชามละ 20 บาท แถมลุงเจ้าของร้าน ไม่ค่อยจะชอบกล้องเลย พอเห็นเราถ่ายรูป รีบถามเลย ว่าหล่อยัง ๆ 555


วัดที่ 9 วัดแสงสิริธรรม วัดสุดท้ายแล้วนะ วัดนี้เจ้าหน้าที่เล่าว่าที่วัดจะมีหลวงพ่อดำ ซึ่งศักดิ์สิทธิ์ มาก ๆ เนื่องจากพระได้ถูกขโมยไปตั้ง 3 ครั้ง แต่ก็ได้คืนมาทุกครั้ง เช่นขโมยเข้ามาจะขโมยพระ.. แต่นอนหลับให้ถูกจับได้ซะงั้น ส่วนอีก 2 ครั้ง ยังไม่ได้ฟัง เนื่องจากถึงวัดเสียก่อน ที่องค์หลวงพ่อที่วัดจะปิดป้ายว่าห้ามปิดทองที่หน้าพระ (หลวงพ่อดำ จะสังเกตุง่ายมาก ๆ กว่าองค์อื่น ๆ เนื่องจากร่างกายจะเป็นสีทอง แต่ที่หน้าจะผิวสีดำ)


หลังจากไหว้พระเสร็จ ก็ออกมาเดินซื้อของ เราได้ยาหม่องมา 1 ตลับ และถามป้าคนขายด้วยว่า ก๋วยเตี๋ยวเรืออยู่ตรงไหน (ตามที่ป้าคนนั้นบอกไว้) ป้าก็บอกว่าก๋วยเตี๋ยวเรือลุงอู๊ด นะสิ ออกโทรทัศน์มาหลายช่องแล้ว เค้าดังจะตาย หูผึ่งเลย รีบถามเลยว่าร้านอยู่ไหน และรีบเดินตามไปทันที ....


ร้านเดินไปตามทาง 70 เมตร ระหว่างทาง 2 ข้างทาง บ้านน่ารักดี น่าอยู่ ต้นซอยซ้ายมือมีร้านขนมถ้วยอยู่ร้านหนึ่ง น่ากินเหมือนกัน แต่เดินผ่านเนื่องจากเป้าหมายเราคือก๋วยเตี๋ยว


ถึงแล้ว ร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อลุงอุ๊ด ร้านนี้ขายแต่เนื้อนะ ถ้าใครไม่กินเนื้อทางร้านจะให้ใส่กากหมูแทน แต่วันนี้กากหมูหมด น้องหนุ่ยเลยกินแห้วแทน (โอกาสหน้ามาใหม่นะ ถ้ากากหมูไม่หมดคงจะได้ลิ้มรสถึงความอาหย่อย) เรา 3 คนสั่งมาคนละชาม นั่งห้อยขากินกัน (ทราบตอนหลังว่า ร้านนี้ เรียกอีกชื่อว่าก๋วยเตี๋ยวเรือห้อยขา โง่..จริง ๆ ไม่รู้เรื่องก่อนไปเล้ย) ขณะที่นั่งกิน เราเห็นปลาตัวลาย ๆ มันจ้องมองมาที่เรา มีหลายตัว เราเรียกให้ทุกคนมอง ปลาอะไรว๊ะ... ไม่กลัวคน มองหน้ากรู อยู่ได้ ตอนแรกฮ้อนจะถามเจ้าของร้าน แต่โป้งชี้ให้ดูที่เสา เค้าแปะป้ายและมีรูปปลาชนิดนี้ให้ดู เรียกว่าปลาเสือ, ปลาเสือพ่นน้ำ ตัวโตเต็มที่สามารถพ่นน้ำได้สูงถึง 2 เมตรเชียวนะ
จริง ๆ แล้วนะ ปลาพวกนี้จะมาคอยอาหารจากลูกค้า มิน่าหละตอนเรานั่ง ทำไมมีน้ำอะไรกระเด็นโดนขาเรา อ๋อ....ปลามันพ่นน้ำขึ้นมาเนี่ยเอง นิสัยของปลาจะพ่นน้ำให้เหยื่อตกลงมา และกินเหยื่อ คราวหน้าไม่พลาดแน่ ๆ เออ..ลืมบอกไปว่าก๋วยเตี๋ยวอร่อยดี (อร่อยกว่าคุณลุงชอบกล้องเสียอีก) ขณะกินก็คิดถึงเจ๊หมวยอยากให้มาแบบนี้บ้างจัง... แต่ทราบภายหลังว่าหมวย OK และจะมากับพวกเราด้วยตอนหน้าหนาวนะ เย้......



ออกจากร้านลุงอุ๊ด ก็แวะกินขนมถ้วย ร้านที่เดินผ่านมาอร่อยมาก ๆ เลย แถมพี่เจ้าของร้านใจดี พูดเก่ง นะ เลยสั่งมาอีกถาด (แหมไอ้ฮ้อนโวย บอกเราว่าส่วนของมันให้เรากินนะ) แต่พอถาดที่ 2 มาจริง ๆ แม่งไม่เห็นให้กรูกินเลย ...ไอ้ซับฝาย)


ออกจากวัดแสงสิริธรรม เรือนำเรามาส่งที่เดิมคือวัดใหญ่สว่างอารมณ์ เป็นอันเสร็จทริปล่องเรือไหว้พระ 9 วัด (ฟรี) อิ่มบุญ.....อิ่มกาย.....อิ่มใจ อีกไม่เกินสิ้นปีนี้ฉันจะกลับมาแก้ตัวใหม่แน่นอน

กลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ บ๊าย บาย จุ๊บ ๆ ทริปหน้าเจอกัน .....